contrived ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า contrived ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ contrived ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า contrived ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ซึ่งประดิษฐ์ขึ้น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า contrived

ซึ่งประดิษฐ์ขึ้น

adjective

But I agree, it does feel a little contrived.
แต่ฉันเห็นด้วยว่า มันดูประดิษฐ์ไปหน่อย

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

Pointing to it and its significance, he wrote: “No, it was not by following artfully contrived false stories that we acquainted you with the power and presence of our Lord Jesus Christ, but it was by having become eyewitnesses of his magnificence.
โดย ชี้ ถึง นิมิต นี้ และ ความหมาย ท่าน เขียน ว่า “เปล่า มิ ใช่ โดย การ ติด ตาม นิยาย ที่ เขา แต่ง ขึ้น ด้วย ความ ฉลาด แกม โกง นั้น หรอก ที่ เรา ทํา ให้ ท่าน ทั้ง หลาย รู้ จัก อํานาจ และ การ ประทับ ของ พระ เยซู คริสต์ องค์ พระ ผู้ เป็น เจ้าของ เรา แต่ โดย การ ที่ เรา ได้ เป็น ประจักษ์ พยาน เกี่ยว กับ ความ เลอเลิศ ของ พระองค์.
As mentioned before, men have contrived various schemes to alleviate such feelings.
ดัง ที่ ได้ กล่าว มา ก่อน แล้ว มนุษย์ คิด ค้น หา อุบาย หลาย อย่าง เพื่อ จะ ผ่อน คลาย ความ รู้สึก ดัง กล่าว.
Their peace is a gift from God, not something contrived by humans.
สันติ สุข ของ พวก เขา เป็น ของ ประทาน จาก พระเจ้า ไม่ ใช่ สิ่ง ที่ เกิด ขึ้น จาก ความ พยายาม ของ มนุษย์.
“It was not by following artfully contrived false stories that we acquainted you with the power and presence of our Lord Jesus Christ,” said the apostle Peter.
อัครสาวก เปโตร กล่าว ว่า “เพราะ ว่า เมื่อ เรา ได้ สําแดง ให้ ท่าน ทั้ง หลาย ทราบ ถึง ฤทธิ์ เดช ของ พระ เยซู คริสต์ ของ เรา และ การ ที่ พระองค์ จะ เสด็จ มา นั้น, เรา ไม่ ได้ คล้อย ตาม นิยาย ที่ เขา คิด แต่ง ไว้ ด้วย ความ เฉลียวฉลาด.”
The apostle Peter wrote that “it was not by following artfully contrived false stories that we acquainted you with the power and presence of our Lord Jesus Christ.”
อัครสาวก เปโตร เขียน ว่า “มิ ใช่ โดย การ ติด ตาม นิยาย ที่ เขา แต่ง ขึ้น ด้วย ความ ฉลาด แกม โกง นั้น หรอก ที่ เรา ทํา ให้ ท่าน ทั้ง หลาย รู้ จัก อํานาจ และ การ ประทับ ของ พระ เยซู คริสต์ องค์ พระ ผู้ เป็น เจ้าของ เรา.”
(Luke 1:30-38; John 3:16-18) This teaching of Jesus’ virgin birth is not a story contrived to exalt the founder of a religion.
(ลูกา 1:30-38; โยฮัน 3:16-18) คํา สอน เรื่อง พระ เยซู กําเนิด จาก สาว พรหมจารี นั้น ไม่ ใช่ เรื่อง ประดิษฐ์ ขึ้น เพื่อ ยกย่อง ผู้ ก่อ ตั้ง ศาสนา หนึ่ง ขึ้น.
To the Christians in Ephesus, the apostle Paul wrote: “He gave some as apostles, some as prophets, some as evangelizers, some as shepherds and teachers, with a view to the readjustment of the holy ones, for ministerial work, for the building up of the body of the Christ, until we all attain to the oneness in the faith and in the accurate knowledge of the Son of God, to a full-grown man, to the measure of stature that belongs to the fullness of the Christ; in order that we should no longer be babes, tossed about as by waves and carried hither and thither by every wind of teaching by means of the trickery of men, by means of cunning in contriving error.” —Ephesians 4:11-14.
อัครสาวก เปาโล เขียน ถึง คริสเตียน ใน เมือง เอเฟโซ ดัง นี้: “พระองค์ ได้ ประทาน บาง คน ให้ เป็น อัครสาวก ให้ บาง คน เป็น ผู้ พยากรณ์ ให้ บาง คน เป็น ผู้ เผยแพร่ กิตติคุณ ให้ บาง คน เป็น ผู้ บํารุง เลี้ยง และ ผู้ สอน โดย มุ่ง หมาย ที่ จะ ปรับ ผู้ บริสุทธิ์ ให้ เข้า ที่ อีก เพื่อ งาน รับใช้ เพื่อ การ ก่อ ร่าง สร้าง พระ กาย ของ พระ คริสต์ จน กว่า เรา ทุก คน บรรลุ ถึง ความ เป็น น้ํา หนึ่ง ใจ เดียว กัน ใน ความ เชื่อ และ ใน ความ รู้ ถ่องแท้ เกี่ยว กับ พระ บุตร ของ พระเจ้า เป็น ผู้ ใหญ่ เต็ม ที่ ถึง ขนาด ซึ่ง เป็น ของ ความ บริบูรณ์ แห่ง พระ คริสต์; เพื่อ เรา จะ ไม่ เป็น ทารก อีก ต่อ ไป ถูก ซัด ไป ซัด มา เหมือน โดน คลื่น และ ถูก พา ไป ทาง โน้น บ้าง ทาง นี้ บ้าง โดย ลม แห่ง คํา สอน ทุก อย่าง ที่ อาศัย เล่ห์ กล ของ มนุษย์ โดย ใช้ ความ ฉลาด แกม โกง ใน การ คิด หา เรื่อง เท็จ.”—เอเฟโซ 4:11-14, ล. ม.
10 Paul pointed out another trait of a spiritual babe when he warned: “We should no longer be babes, tossed about as by waves and carried hither and thither by every wind of teaching by means of the trickery of men, by means of cunning in contriving error.”
10 เปาโล ได้ ชี้ อาการ อีก อย่าง หนึ่ง ของ ทารก ฝ่าย วิญญาณ เมื่อ ท่าน เตือน สติ ดัง นี้: “เพื่อ เรา จะ ไม่ เป็น เด็ก ต่อ ไป ถูก ซัด ไป ซัด มา และ หัน ไป เหมา ด้วย ลมปาก แห่ง คํา สั่ง สอน ทุก อย่าง และ ด้วย เล่ห์ กล ของ มนุษย์ ตาม อุบาย ฉลาด อัน เป็น การ ล่อ ลวง.”
He told them about man’s Creator and said: “We ought not to imagine that the Divine Being is like gold or silver or stone, like something sculptured by the art and contrivance of man.”
ท่าน ได้ บอก พวก เขา เรื่อง พระเจ้า ที่ สร้าง มนุษย์ และ กล่าว ว่า “เรา ไม่ ควร คิด เอา ว่า พระ ผู้ เป็น เจ้า เป็น เหมือน ทอง หรือ เงิน หรือ หิน เหมือน อะไร บาง อย่าง ที่ แกะ สลัก ขึ้น ด้วย ศิลปะ และ การ ประดิษฐ์ ของ มนุษย์.”
19 As we progressively train our perceptive powers, the objective is that “we should no longer be babes, tossed about as by waves and carried hither and thither by every wind of teaching by means of the trickery of men, by means of cunning in contriving error.”
19 ขณะ ที่ เรา ฝึกฝน ความ สามารถ ใน การ สังเกต เข้าใจ ของ เรา มาก ขึ้น เรื่อย ๆ เป้าหมาย ก็ คือ เพื่อ “เรา จะ ไม่ เป็น ทารก อีก ต่อ ไป ถูก ซัด ไป ซัด มา เหมือน โดน คลื่น และ ถูก พา ไป ทาง โน้น บ้าง ทาง นี้ บ้าง โดย ลม แห่ง คํา สอน ทุก อย่าง ที่ อาศัย เล่ห์ กล ของ มนุษย์ โดย ใช้ ความ ฉลาด แกม โกง ใน การ คิด หา เรื่อง เท็จ.” (เอเฟโซ 4:14, ล.
18 Fourth, Jehovah provides the “gifts in men” to protect us from being influenced “by every wind of teaching by means of the trickery of men, by means of cunning in contriving error.”
18 ประการ ที่ สี่ พระ ยะโฮวา ทรง จัด เตรียม “ของ ประทาน ใน ลักษณะ มนุษย์” ไว้ เพื่อ ปก ป้อง เรา จาก การ ถูก ชัก นํา “ด้วย ลมปาก แห่ง คํา สั่ง สอน ทุก อย่าง, และ ด้วย เล่ห์ กล ของ มนุษย์ ตาม อุบาย ฉลาด อัน เป็น การ ล่อ ลวง.”
“In order that we should no longer be babes, tossed about as by waves and carried hither and thither by every wind of teaching by means of the trickery of men, by means of cunning in contriving error.”
“เพื่อ เรา จะ ไม่ เป็น เด็ก อีก ต่อ ไป ถูก ซัด ไป ซัด มา เหมือน โดน คลื่น และ ถูก พา ไป ทาง โน้น บ้าง ทาง นี้ บ้าง โดย ลม แห่ง คํา สอน ทุก อย่าง ที่ อาศัย เล่ห์ กล ของ มนุษย์ โดย ใช้ ความ ฉลาด แกม โกง ใน การ คิด หา เรื่อง เท็จ.”
Earlier, at Ephesians 4:14, Paul had cautioned the brothers: “We should no longer be babes, tossed about as by waves and carried hither and thither by every wind of teaching by means of the trickery of men, by means of cunning in contriving error.”
ก่อน หน้า นั้น ที่ เอเฟโซ 4:14 เปาโล ได้ เตือน พวก พี่ น้อง ว่า “เรา จะ ไม่ เป็น เด็ก ต่อ ไป, ถูก ซัด ไป ซัด มา และ หัน ไป เหมา ด้วย ลมปาก แห่ง คํา สั่ง สอน ทุก อย่าง, และ ด้วย เล่ห์ กล ของ มนุษย์ ตาม อุบาย ฉลาด อัน เป็น การ ล่อ ลวง.”
Every molecule seems miraculously contrived for its task.”
ดู เหมือน ว่า ทุก ๆ โมเลกุล ถูก ออก แบบ ไว้ สําหรับ งาน ของ มัน.”
You didn't find what he did contrived?
ไม่รู้สึกว่าเขาแกล้งเก๊กเหรอ
Peter testified: “No, it was not by following artfully contrived false stories that we acquainted you with the power and presence of our Lord Jesus Christ, but it was by having become eyewitnesses of his magnificence.” —1 Timothy 6:20, 21; 2 Peter 1:16.
เปโตร ก็ ยืน ยัน ว่า “เรา ไม่ ได้ ทํา ให้ ท่าน ทั้ง หลาย รู้ จัก อํานาจ และ การ ประทับ ของ พระ เยซู คริสต์ เจ้า ของ เรา โดย ใช้ เรื่อง เท็จ ที่ แต่ง ขึ้น อย่าง ชาญ ฉลาด แต่ โดย ใช้ เรื่อง ความ สง่า งาม ของ พระองค์ ที่ เรา ได้ เป็น พยาน รู้ เห็น.”—1 ติโมเธียว 6:20, 21; 2 เปโตร 1:16
Therefore, . . . we ought not to imagine that the Divine Being is like gold or silver or stone, like something sculptured by the art and contrivance of man.” —Acts 17:24, 25, 29.
เรา ก็ ไม่ ควร ถือ ว่า พระเจ้า เป็น เหมือน ทอง, เงิน, หรือ หิน ซึ่ง มนุษย์ ได้ แกะ และ สลัก ด้วย ปัญญา และ ความ คิด ของ เขา.”—กิจการ 17:24, 25, 29.
Some 32 years later (about 64 C.E.), Peter still recalled this experience and wrote: “No, it was not by following artfully contrived false stories that we acquainted you with the power and presence of our Lord Jesus Christ, but it was by having become eyewitnesses of his magnificence.
ราว ๆ 32 ปี ต่อ มา (ประมาณ ปี สากล ศักราช 64) เปโตร ยัง คง จํา ประสบการณ์ นั้น ได้ และ จารึก ไว้ ว่า “เปล่า มิ ใช่ โดย การ ติด ตาม นิยาย ที่ เขา แต่ง ขึ้น ด้วย ความ ฉลาด แกม โกง นั้น หรอก ที่ เรา ทํา ให้ ท่าน ทั้ง หลาย รู้ จัก อํานาจ และ การ ประทับ ของ พระ เยซู คริสต์ องค์ พระ ผู้ เป็น เจ้าของ เรา แต่ โดย การ ที่ เรา ได้ เป็น ประจักษ์ พยาน เกี่ยว กับ ความ เลอเลิศ ของ พระองค์.
Even though frivolous oaths and evasive promises are the norm in today’s permissive society, we cannot expect God to believe contrived excuses; even businesspeople know better than that.
ถึง แม้ คํา สาบาน แบบ เล่น ๆ ไม่ จริง ใจ และ คํา สัญญา ที่ เลี่ยง ไม่ กระทํา ตาม เป็น เกณฑ์ ปฏิบัติ ของ สังคม ซึ่ง ปล่อย ตัว ใน ปัจจุบัน นี้ เรา ก็ ไม่ อาจ คาด หมาย ที่ จะ ให้ พระเจ้า เชื่อ คํา แก้ ตัว ที่ ปั้น ขึ้น แม้ พวก นัก ธุรกิจ ก็ ยัง รู้ ทัน.
(2 Peter 1:16) The concept of a Bible code has its roots in Jewish mysticism, utilizing “artfully contrived” methods that obscure and distort the plain meaning of the Bible’s inspired text.
(2 เปโตร 1:16, ล. ม.) แนว คิด เรื่อง รหัส ลับ ของ คัมภีร์ ไบเบิล มี ต้นตอ มา จาก รหัสยลัทธิ ของ ชาว ยิว โดย ใช้ วิธี การ ที่ “แต่ง ขึ้น ด้วย ความ ฉลาด แกม โกง” ซึ่ง บดบัง และ บิดเบือน ความหมาย ที่ ชัดเจน ของ ข้อ ความ ซึ่ง มี ขึ้น โดย การ ดล ใจ ของ คัมภีร์ ไบเบิล.
Those who do not keep clear of false worship can be “tossed about as by waves and carried hither and thither by every wind of teaching by means of the trickery of men, by means of cunning in contriving error.” —Ephesians 4:13, 14.
ผู้ ที่ ไม่ ได้ รักษา ตัว ให้ อยู่ ห่าง จาก การ นมัสการ เท็จ จะ “ถูก ซัด ไป ซัด มา และ หัน ไป เหมา ด้วย ลมปาก แห่ง คํา สั่ง สอน ทุก อย่าง, และ ด้วย เล่ห์ กล ของ มนุษย์ ตาม อุบาย ฉลาด อัน เป็น การ ล่อ ลวง.”—เอเฟโซ 4:13, 14.
Those who are covetous and greedy, anxious to grasp the whole world, are all the time uneasy, and are constantly laying their plans and contriving how to obtain this, that, and the other (DBY, 306).
ผู้ที่โลภและตะกละ กระวนกระวายที่จะหยิบฉวยโลกทั้งโลก ขุ่นข้องหมองใจอยู่ตลอด เวลาพวกเขาชอบวางแผนและคิดค้นวิธีที่จะได้สิ่งนี้ สิ่งนั้น และอะไรต่อมีอะไรอยู่ราไป (DBY, 306)
The idea that “society should be constructed according to the preordained blueprints of divine and natural law,” says The Encyclopedia of Religion, “was replaced by the notion that society was, or could be, constructed by man’s own ‘artifice’ or ‘contrivance.’
ดิ เอ็นไซโคลพีเดีย ออฟ รีลิจัน บอก ว่า แนว ความ คิด ที่ ว่า “สังคม ควร จะ ถูก สร้าง ขึ้น ตาม แบบ พิมพ์ เขียว ที่ กําหนด ไว้ ล่วง หน้า แห่ง กฎ ของ พระเจ้า และ กฎ ธรรมชาติ ถูก แทน ที่ โดย ความ คิด ที่ ว่า สังคม ได้ ถูก สร้าง ขึ้น หรือ อาจ ถูก สร้าง ขึ้น โดย ‘เล่ห์ เหลี่ยม’ หรือ ‘การ วาง แผน’ ของ มนุษย์ เอง.
It is not hard to see this story for what it is —a contrived piece of fiction.
เป็น ที่ เข้าใจ ได้ ไม่ ยาก ว่า นี่ เป็น เรื่อง แบบ ไหน—นิยาย ตอน หนึ่ง เท่า นั้น เอง.
Of course, such things are contrivances, like so much here.
แน่นอน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งสมมติ เหมือนทุกๆอย่าง

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ contrived ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ contrived

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว