ecclesiastical ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า ecclesiastical ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ ecclesiastical ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า ecclesiastical ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง พระสอนศาสนา, นักบวช, หลวงพ่อ, มุนิ, พระสงฆ์ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า ecclesiastical

พระสอนศาสนา

นักบวช

หลวงพ่อ

มุนิ

พระสงฆ์

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

“There is no work nor devising nor knowledge nor wisdom in Sheol [the grave], the place to which you are going.”—Ecclesiastes 9:10.
“ไม่ มี การ งาน หรือ โครงการ หรือ ความ รู้ หรือ สติ ปัญญา ใน เชโอละ [หลุม ฝัง ศพ] ที่ เจ้า จะ ไป นั้น.”—ท่าน ผู้ ประกาศ 9:10, ล. ม.
(Ecclesiastes 2:10) Solomon built houses for himself, planted vineyards, and made gardens, parks, and pools of water for himself.
(ท่าน ผู้ ประกาศ 2:10) ซะโลโม ได้ สร้าง ปราสาท หลาย หลัง สําหรับ ตัว เอง, ทํา สวน องุ่น, และ สวน ผลไม้, สวน พฤกษชาติ, และ สร้าง สระ น้ํา หลาย สระ สําหรับ ตัว เอง.
When the life force stops sustaining the human body, man—the soul—dies.—Psalm 104:29; Ecclesiastes 12:1, 7.
เมื่อ พลัง ชีวิต หยุด ค้ําจุน ร่าง กาย มนุษย์ คน—จิตวิญญาณ—จึง ตาย.—บทเพลง สรรเสริญ 104:29; ท่าน ผู้ ประกาศ 12:1, 7.
But the brothers did not let this hinder them, recalling the words of Ecclesiastes 11:4: “He that is watching the wind will not sow seed; and he that is looking at the clouds will not reap.”
แต่ พี่ น้อง ไม่ ยอม ให้ เรื่อง นี้ มา ขัด ขวาง โดย ระลึก ถึง ถ้อย คํา ที่ ท่าน ผู้ ประกาศ 11:4 ที่ ว่า “ผู้ ที่ สังเกต ลม จะ ไม่ หว่าน พืช, และ ผู้ วิเคราะห์ เมฆ จะ ไม่ เกี่ยว.”
(Ecclesiastes 9:5, 6, 10) Moreover, the psalmist declared that man “goes back to his ground; in that day his thoughts do perish.” —Psalm 146:4.
(ท่าน ผู้ ประกาศ 9:5, 6, 10) ยิ่ง กว่า นั้น ผู้ ประพันธ์ เพลง สรรเสริญ แถลง ว่า มนุษย์ “กลับ คืน เป็น ดิน อีก; และ ใน วัน นั้น ที เดียว ความ คิด ของ เขา ก็ ศูนย์ หาย ไป.”—บทเพลง สรรเสริญ 146:4.
(Jeremiah 10:23) Rather, independence from God has resulted in disastrous problems, including poverty. —Ecclesiastes 8:9.
(ยิระมะยา 10:23) ถ้า จะ พูด ให้ ถูก การ ไม่ หมาย พึ่ง พระเจ้า ทํา ให้ เกิด ปัญหา ร้ายแรง ตาม มา รวม ไป ถึง ความ ยาก จน ด้วย.—ท่าน ผู้ ประกาศ 8:9.
(Ecclesiastes 8:9; Isaiah 25:6) Even today, we need not hunger for spiritual food, for God provides it abundantly in its season through “the faithful and discreet slave.”
(ท่าน ผู้ ประกาศ 8:9; ยะซายา 25:6) แม้ แต่ เวลา นี้ เรา ไม่ ต้อง หิว อาหาร ฝ่าย วิญญาณ เลย เพราะ พระเจ้า ทรง จัด เตรียม สิ่ง นี้ อย่าง บริบูรณ์ ตาม ฤดู กาล โดย ผ่าน “บ่าว สัตย์ ซื่อ และ สุขุม รอบคอบ.”
(Ecclesiastes 7:16) Surely you do not have to resist changes of style to the point of looking hopelessly out- of- date, weird, or eccentric.
(ท่าน ผู้ ประกาศ 7:16, ฉบับ แปล ใหม่) แน่นอน คุณ ไม่ จําเป็น ต้อง ฝืน ไม่ เปลี่ยน สไตล์ จน ทํา ให้ คุณ ดู เชย, เป็น ตัว ประหลาด, หรือ วิปริต ผิด เพี้ยน.
What times are best for talking?’ —Ecclesiastes 3:7.
เวลา ไหน เหมาะ ที่ สุด ที่ จะ พูด?’—ท่าน ผู้ ประกาศ 3:7
(Ecclesiastes 3:11) This makes humans feel powerless in the face of death but, at the same time, arouses in them an unrelenting desire to live.
(ท่าน ผู้ ประกาศ 3:11, ฉบับ แปล ใหม่) นี่ ทํา ให้ มนุษย์ รู้สึก หมด เรี่ยว หมด แรง เมื่อ เผชิญ กับ ความ ตาย แต่ ขณะ เดียว กัน ก็ ปลุก เร้า ความ ปรารถนา ที่ ไม่ มี วัน เหือด หาย ใน ตัว เขา ที่ จะ มี ชีวิต อยู่.
(Ecclesiastes 4:6) Without proper sleep, your performance will nosedive!
(ท่าน ผู้ ประกาศ 4:6) ถ้า นอน หลับ ไม่ เพียง พอ การ ทํา งาน ของ คุณ จะ แย่ ลง มาก!
14 A younger generation is growing up in Jehovah’s service, and happily the majority of these are making application of Solomon’s words at Ecclesiastes 12:1: “Remember, now, your Grand Creator in the days of your young manhood.”
14 คน รุ่น ใหม่ กําลัง เติบโต ขึ้น ใน งาน รับใช้ พระ ยะโฮวา และ น่า ยินดี ที่ คน เหล่า นี้ ส่วน ใหญ่ ปฏิบัติ ตาม ถ้อย คํา ของ ซะโลโม ที่ พระ ธรรม ท่าน ผู้ ประกาศ 12:1: “ใน ปฐม วัย ของ เจ้า จง ระลึก ถึง พระองค์ ผู้ ได้ ทรง สร้าง ตัว เจ้า นั้น.”
(Ecclesiastes 12:7) Does this mean that a spirit entity literally travels through space into God’s presence?
(ท่าน ผู้ ประกาศ 12:7) นี่ หมาย ความ ว่า วิญญาณ เดิน ทาง ผ่าน อวกาศ ไป ยัง ที่ ประทับ ของ พระเจ้า จริง ๆ หรือ?
(Ecclesiastes 9:5) So at death humans cease to exist.
(ท่าน ผู้ ประกาศ 9:5) ดัง นั้น เมื่อ ตาย มนุษย์ ไม่ ดํารง อยู่ อีก ต่อ ไป.
The Bible, in fact, reveals that God created humans with not only the desire to live forever but also the ability to enjoy the fulfillment of that desire in a righteous new world of God’s making.—Genesis 1:27, 28; Psalm 37:9-11, 29; Ecclesiastes 3:11; John 3:16; Revelation 21:3, 4.
ที่ จริง คัมภีร์ ไบเบิล เปิด เผย ว่า พระเจ้า ทรง สร้าง มนุษย์ ไม่ ใช่ แค่ ให้ มี ความ ปรารถนา จะ อยู่ ตลอด ไป เท่า นั้น แต่ ยัง ให้ มี ความ สามารถ ที่ จะ ชื่นชม กับ การ ได้ สม ตาม ความ ปรารถนา นั้น ใน โลก ใหม่ อัน ชอบธรรม ที่ พระเจ้า จะ ทํา ให้ เกิด ขึ้น.—เยเนซิศ 1:27, 28; บทเพลง สรรเสริญ 37:9-11, 29; ท่าน ผู้ ประกาศ 3:11; โยฮัน 3:16; วิวรณ์ 21:3, 4.
(Ecclesiastes 8:9) Will any form of government succeed in bringing lasting contentment to its subjects?
(ท่าน ผู้ ประกาศ 8:9) จะ มี การ ปกครอง แบบ ใด ไหม ที่ ประสบ ผล สําเร็จ ใน การ นํา ความ อิ่ม ใจ พอ ใจ อย่าง ถาวร มา สู่ ราษฎร?
(Ecclesiastes 9:5, 10; Acts 2:31) As a Catholic, I had never studied the Bible, not even while receiving special training in church schools.
(ท่าน ผู้ ประกาศ 9:5, 10; กิจการ 2:31) ใน ฐานะ เป็น ชาว คาทอลิก ผม ไม่ เคย ศึกษา คัมภีร์ ไบเบิล ไม่ ได้ ศึกษา แม้ แต่ ขณะ รับ การ อบรม พิเศษ ใน โรง เรียน สังกัด คริสตจักร ด้วย ซ้ํา.
Eventually the person dies.—Ecclesiastes 12:2-7.
ใน ที่ สุด คน เรา ก็ ตาย.—ท่าน ผู้ ประกาศ 12:2-7.
(Ecclesiastes 3:1, 7) As demonstrated in the altercation quoted earlier, some problems may evoke strong emotions.
(ท่าน ผู้ ประกาศ 3:1, 7, ล. ม.) ดัง ที่ เห็น จาก การ โต้ เถียง ใน ตอน ต้น ปัญหา บาง อย่าง อาจ ก่อ ความ รู้สึก ที่ รุนแรง.
* But Ecclesiastes 11:4 warns: “He that is watching the wind will not sow seed; and he that is looking at the clouds will not reap.”
* แต่ ท่าน ผู้ ประกาศ 11:4 เตือน ว่า “ผู้ ที่ สังเกต ลม จะ ไม่ หว่าน พืช, และ ผู้ วิเคราะห์ เมฆ จะ ไม่ เกี่ยว.”
(Ecclesiastes 9:5, 10; Hebrews 11:35) Will they appear with Jesus when he comes in heavenly glory?
(ท่าน ผู้ ประกาศ 9:5, 10; เฮ็บราย 11:35) พวก เขา จะ ปรากฏ ตัว อยู่ กับ พระ เยซู ไหม เมื่อ พระองค์ เสด็จ มา ใน รัศมีภาพ ฝ่าย สวรรค์?
Ecclesiastes 9:5 states: “As for the dead, they are conscious of nothing at all.”
ท่าน ผู้ ประกาศ 9:5 กล่าว ว่า “คน ตาย แล้ว ก็ ไม่ รู้ อะไร เลย.”
In the meantime, we take comfort in the fact that Precious is in God’s memory and is no longer suffering. —Ecclesiastes 9:5, 10.
ตอน นี้ เรา ได้ รับ การ ชู ใจ จาก ข้อ เท็จ จริง ที่ ว่า เพรเชส อยู่ ใน ความ ทรง จํา ของ พระเจ้า และ ไม่ ทน ทรมาน อีก ต่อ ไป.—ท่าน ผู้ ประกาศ 9:5, 10
Or do you tend to concentrate on the negative areas of a person’s personality, much like a traveler who lets his enjoyment of a beautiful scene be spoiled by a bit of litter left by some inconsiderate visitor? —Compare Ecclesiastes 7:16.
หรือ คุณ มี แนว โน้ม จะ เพ่งเล็ง บุคลิกภาพ ด้าน ลบ ของ ผู้ อื่น ซึ่ง ไม่ ต่าง อะไร กับ นัก เดิน ทาง ที่ ยอม ให้ เศษ ขยะ นิด หน่อย ซึ่ง ผู้ มา เยือน ที่ มัก ง่าย โยน ทิ้ง ไว้ มา ทําลาย ความ รู้สึก ชื่นชม กับ ทิว ทัศน์ อัน สวย งาม ไป อย่าง น่า เสียดาย?—เทียบ กับ ท่าน ผู้ ประกาศ 7:16.
(Romans 6:23; Ecclesiastes 9:5, 10) Moreover, we read later that death itself, along with Hades, is cast into this same lake of fire and sulfur.
(โรม 6:23; ท่าน ผู้ ประกาศ 9:5, 10) ยิ่ง กว่า นั้น เรา อ่าน ต่อ ไป อีก ว่า ความ ตาย พร้อม กับ หลุม ศพ จะ ถูก โยน ทิ้ง ลง ไป ใน บึง ที่ มี ไฟ และ กํามะถัน เดียว กัน นี้.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ ecclesiastical ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว