luminary ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า luminary ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ luminary ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า luminary ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ผู้มีชื่อเสียง, ความมีชื่อเสียง, ความโดดเด่น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า luminary

ผู้มีชื่อเสียง

noun

ความมีชื่อเสียง

noun

Dan turned down the opportunity to spend the summer in Rome with the world's literary luminaries.
แดนปิดโอกาสตัวเอง ที่จะให้เวลาตลอดซัมเมอร์ที่โรม ในสถานที่ที่มีชื่อเสียงของโลกวรรณกรรม

ความโดดเด่น

noun

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

“And God went on to say: ‘Let luminaries come to be in the expanse of the heavens to make a division between the day and the night; and they must serve as signs and for seasons and for days and years.’”
“และ พระเจ้า ตรัส ต่อ ไป ว่า ‘ให้ เกิด มี ดวง สว่าง บน ท้อง ฟ้า เพื่อ แบ่ง ระหว่าง กลางวัน กับ กลางคืน; และ ดวง สว่าง เหล่า นั้น ต้อง ทํา หน้า ที่ เป็น เครื่องหมาย และ กําหนด ฤดู และ กําหนด วัน และ ปี.’
(b) How does the description of the luminaries indicate this?
(ข) การ พรรณนา ถึง ดวง สว่าง ต่าง ๆ นั้น บ่ง ชี้ ถึง เรื่อง นี้ อย่าง ไร?
What divisions in time became possible by the appearance of the luminaries in the expanse?
จาก การ ปรากฏ ของ ดวง สว่าง ต่าง ๆ ใน พื้น อากาศ ทํา ให้ มี การ แบ่ง เวลา ออก อย่าง ไร?
A ‘Great Luminary
‘ผู้ ฉาย ความ สว่าง อัน ยิ่ง ใหญ่’
Jehovah “prepared the luminary, even the sun”
พระ ยะโฮวา “ได้ ทรง ตระเตรียม ดวง สว่าง คือ ดวง อาทิตย์”
On the fourth creative day, God said: “Let luminaries come to be in the expanse of the heavens to make a division between the day and the night; and they must serve as signs and for seasons and for days and years.”
ใน วัน ที่ สี่ แห่ง การ ทรง สร้าง พระเจ้า ตรัส ว่า “ให้ มี ดวง สว่าง บน พื้น ฟ้า อากาศ เป็น ที่ แบ่ง วัน ออก จาก คืน; ให้ ดวง สว่าง นั้น เป็น ที่ กําหนด ฤดู วัน ปี.”
And God proceeded to make the two great luminaries, the greater luminary for dominating the day and the lesser luminary for dominating the night, and also the stars.” —Genesis 1:14-16; Psalm 136:7-9.
และ พระเจ้า ทรง สร้าง ดวง สว่าง ใหญ่ ไว้ สอง ดวง ให้ ดวง ใหญ่ นั้น ครอง รักษา วัน ดวง เล็ก นั้น ครอง รักษา คืน และ ดวง ดาว ต่าง ๆ ด้วย.”—เยเนซิศ 1:14-16; บทเพลง สรรเสริญ 136:7-9.
20 “‘Let luminaries come to be in the expanse of the heavens to make a division between the day and the night; and they must serve as signs and for seasons and for days and years.
20 “‘ให้ มี ดวง สว่าง บน พื้น ฟ้า อากาศ เป็น ที่ แบ่ง วัน ออก จาก คืน ให้ ดวง สว่าง นั้น เป็น ที่ กําหนด ฤดู วัน ปี ให้ อยู่ บน พื้น ฟ้า อากาศ จะ ได้ ส่อง สว่าง บน แผ่นดิน.’
Confidently, he next called for Genesis 1:14, and this also was read from the New World Translation: “And God went on to say: ‘Let luminaries come to be in the expanse of the heavens.’”
ด้วย ความ มั่น ใจ เขา ขอ ให้ อ่าน ต่อ ไป ใน เยเนซิศ 1:14 และ ก็ มี การ อ่าน จาก ฉบับ แปล โลก ใหม่ เช่น กัน ดัง นี้: “และ พระเจ้า ตรัส ต่อ ไป ว่า ‘ให้ เกิด มี ดวง สว่าง บน ท้องฟ้า.’
As he looks up at the bright, starry heavens, he cannot help but think of God’s promise that his offspring will become as numerous as those luminaries.
ขณะ เงย หน้า มอง ดู ท้องฟ้า ที่ พร่าง พราย ด้วย ดวง ดาว ท่าน อด คิด ไม่ ได้ ถึง คํา สัญญา ของ พระเจ้า ที่ ว่า ลูก หลาน ของ ท่าน จะ มี มาก มาย ดุจ ดาว เหล่า นี้.
Psalm 74:16 says of Jehovah: “You . . . prepared the luminary, even the sun.”
บทเพลง สรรเสริญ 74:16 (ล. ม.) กล่าว ถึง พระ ยะโฮวา ดัง นี้: “พระองค์ . . .
To start with, the Bible tells us that God created the “luminaries” —the sun, moon, and stars— as time markers, to “serve as signs and for seasons and for days and years.”
ใน ตอน เริ่ม ต้น คัมภีร์ ไบเบิล บอก เรา ว่า พระเจ้า ทรง สร้าง “ดวง สว่าง” เช่น ดวง อาทิตย์, ดวง จันทร์, และ ดวง ดาว ต่าง ๆ เป็น เครื่องหมาย บอก เวลา เพื่อ “เป็น ที่ กําหนด ฤดู วัน ปี.”
The ‘luminary that dominates the night’ —the moon— is a fitting reminder of the permanence of Christ’s rule.
ดวง จันทร์ ซึ่ง เป็น ‘ดวง สว่าง ที่ ครอง รักษา คืน’ จึง เหมาะ จะ เป็น เครื่อง เตือน ให้ ระลึก ถึง ความ มั่นคง ถาวร แห่ง การ ปกครอง ของ พระ คริสต์.
In early days the time of an event was usually marked by observing the sun or the moon, “the two great luminaries” that the Creator had placed in the heavens “to make a division between the day and the night.”
ใน ยุค แรก ๆ ตาม ปกติ มี การ กําหนด เวลา ของ เหตุ การณ์ หนึ่ง โดย การ สังเกต ดวง อาทิตย์ หรือ ดวง จันทร์ “ดวง สว่าง ใหญ่ สอง ดวง” ซึ่ง พระ ผู้ สร้าง ได้ ตั้ง ไว้ ใน ท้องฟ้า “เพื่อ แบ่ง วัน ออก จาก คืน.”
Day 4: ‘Let luminaries come to be in the expanse, the greater for dominating the day and the lesser for dominating the night’
วัน ที่ 4: ‘ให้ มี ดวง สว่าง ใน พื้น อากาศ ให้ ดวง ใหญ่ นั้น ครอง รักษา วัน และ ดวง เล็ก ครอง รักษา คืน’
“The heavens” that included the luminaries were created long before the “first day” even began.
“ฟ้า” ซึ่ง รวม ทั้ง ดวง สว่าง ต่าง ๆ ถูก สร้าง มา นาน ก่อน “วัน ที่ หนึ่ง” จะ เริ่ม ต้น เสีย อีก.
Though he claimed to know Hebrew, it had to be pointed out to him that the Hebrew word translated “light” in Ge 1 verse 3 was ʼohr, whereas the word in Ge 1 verse 14 was different, being ma·ʼohrʹ, which refers to a luminary, or source of light.
แม้ เขา อ้าง ว่า รู้ จัก ภาษา ฮีบรู แต่ ก็ ต้อง ชี้ ให้ เขา เห็น ว่า คํา ภาษา ฮีบรู ที่ ได้ รับ การ แปล ว่า “ความ สว่าง” ใน ข้อ 3 คือ คํา ว่า ออร์ ขณะ ที่ คํา ภาษา ฮีบรู ใน เย 1 ข้อ 14 เป็น อีก คํา หนึ่ง คือ คํา มาออร์ʹ ซึ่ง หมาย ถึง ดวง สว่าง หรือ แหล่ง แห่ง ความ สว่าง.
Referring to him, Psalm 74:16 says: “You yourself prepared the luminary, even the sun.”
บทเพลง สรรเสริญ (เพลง สดุดี) 74:16 (ฉบับ แปล ใหม่) กล่าว ถึง พระองค์ ดัง นี้: “พระองค์ ทรง สถาปนา ดวง สว่าง และ ดวง อาทิตย์.”
Rotherham, in a footnote on “Luminaries” in the Emphasised Bible, says: “In ver. Ge 1:3, ’ôr [’ohr], light diffused.”
รอเธอร์แฮม ให้ หมายเหตุ ไว้ ใน เอ็มฟาไซสด์ ไบเบิล เกี่ยว กับ “ดวง สว่าง” ว่า “ใน ข้อ 3 ออร์ เป็น แสง สลัว.”
Doubtless, in the early part of the great tribulation, many luminaries —prominent clergymen of the religious world— will have been exposed and eliminated by “the ten horns” mentioned at Revelation 17:16.
แน่นอน ใน ช่วง ต้น ๆ ของ ความ ทุกข์ ลําบาก ครั้ง ใหญ่ นั้น “ดวง สว่าง” มาก หลาย—คือ พวก นัก เทศน์ นัก บวช ชั้น นํา ใน แวดวง ศาสนา—จะ ถูก เปิดโปง และ ถูก “เขา สิบ เขา” ที่ มี กล่าว ไว้ ใน วิวรณ์ 17:16 นั้น กําจัด เสีย.
1:16 —How could God produce light on the first day if the luminaries were not made until the fourth day?
1:16—พระเจ้า ทํา ให้ มี ความ สว่าง ใน วัน ที่ หนึ่ง ได้ อย่าง ไร หาก ดวง สว่าง ยัง ไม่ ได้ สร้าง จน ถึง วัน ที่ สี่?
Because he was the luminary that was going to lead our country's economy!
เพราะว่าเขาจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงและ จะทําให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญก้าวหน้า!
On successive “days” appear the light; the expanse of the atmosphere; dry land and vegetation; the luminaries to divide day and night; fish and fowl; and land animals and finally man.
ใน “วัน” ต่าง ๆ ตาม ลําดับ ปรากฏ มี แสง สว่าง; ชั้น บรรยากาศ อัน ไพศาล; แผ่นดิน แห้ง และ พืช พรรณ; ดวง สว่าง ที่ แบ่ง วัน และ คืน; ปลา และ สัตว์ ปีก; สัตว์ บก และ สุด ท้าย ก็ มนุษย์.
8 I will darken all the shining luminaries in the heavens because of you,
8 เรา จะ ทํา ให้ ดวง สว่าง ทุก ดวง มืด ไป เพราะ เจ้า
There the sun and moon are described as great luminaries in comparison to the stars.
ใน ตอน นั้น มี การ พรรณนา ดวง อาทิตย์ และ ดวง จันทร์ ว่า เป็น ดวง สว่าง ใหญ่ เมื่อ เปรียบ เทียบ กับ ดวง ดาว อื่น ๆ.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ luminary ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ luminary

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว