oppression ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า oppression ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ oppression ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า oppression ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ภาวะที่ถูกกดขี่, การกดขี่, การบีบบังคับ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า oppression

ภาวะที่ถูกกดขี่

noun

การกดขี่

noun

All the oppression of the poor and the powerless of those of different skin, of women.
การกดขี่คนจนและผู้ไร้อํานาจ ผู้คนต่างสีผิว เผ่าพันธุ์ และสตรี

การบีบบังคับ

noun

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

Can you recall the names of mighty political or religious leaders who during your lifetime bitterly oppressed God’s people?
คุณ นึก ออก ไหม ถึง ชื่อ ของ ผู้ นํา ทาง การ เมือง หรือ ทาง ศาสนา ที่ ได้ ข่มเหง ประชาชน ของ พระเจ้า อย่าง รุนแรง ใน ช่วง ชีวิต ของ คุณ?
Granted, by inviting his listeners to accept his yoke, Jesus was not offering immediate relief from all oppressive conditions then current.
จริง อยู่ โดย การ เชิญ ผู้ ฟัง ให้ รับ เอา แอก ของ พระองค์ พระ เยซู มิ ได้ เสนอ ว่า จะ ปลด เปลื้อง สภาพ อัน กดขี่ ทุก อย่าง ที่ มี อยู่ ใน เวลา นั้น ทันที.
Christ’s perfect love overcomes temptations to harm, coerce, bully, or oppress.
ความรักอันสมบูรณ์ของพระคริสต์เอาชนะการล่อลวงที่จะทําร้าย ขู่เข็ญ ข่มเหงรังแก หรือกดขี่
Edict after edict was issued by the prefects, who honestly endeavoured to stop the arbitrariness and the oppression inherent in the system . . .
มี การ ออก คํา สั่ง หลาย ครั้ง หลาย หน โดย ข้าหลวง ซึ่ง พยายาม อย่าง จริง ใจ ที่ จะ หยุด ยั้ง การ ใช้ อํานาจ ที่ กดขี่ ซึ่ง เป็น เรื่อง ปกติ ธรรมดา ใน ระบบ การ บังคับ ใช้ แรงงาน . . .
12 The prophesying of Amos exposed the oppression that had become common in the kingdom of Israel.
12 คํา พยากรณ์ ของ อาโมศ เปิดโปง การ กดขี่ ที่ พบ เห็น ทั่ว ไป ใน อาณาจักร อิสราเอล.
Submission to God is never oppressive.
ผู้ ที่ ยอม อยู่ ใต้ อํานาจ พระเจ้า ไม่ เคย ถูก กดขี่.
We learned of the Kingdom promise —that Jehovah will soon rid the world of poverty and oppression.
เรา ได้ เรียน รู้ เกี่ยว กับ คํา สัญญา เรื่อง ราชอาณาจักร—ที่ ว่า พระ ยะโฮวา จะ กําจัด ความ ยาก จน และ การ กดขี่ ไป จาก โลก นี้ ใน ไม่ ช้า.
Human history has consistently been characterized by war, injustice, oppression, and suffering.
สิ่ง ที่ เป็น ลักษณะ เด่น แห่ง ประวัติศาสตร์ มนุษย์ อยู่ เรื่อย มา ได้ แก่ สงคราม, ความ อยุติธรรม, การ กดขี่, และ ความ ทุกข์.
Having to live that way would be very oppressive and frustrating.
การ ที่ ต้อง ดํารง ชีวิต แบบ นั้น คง จะ รู้สึก ว่า ถูก กดขี่ อย่าง มาก และ คับข้อง ใจ.
According to the Theological Wordbook of the Old Testament, edited by Harris, Archer, and Waltke, the original language root of the word translated “oppression” relates to “the burdening, trampling, and crushing of those lower in station.”
ตาม หนังสือ คํา ศัพท์ ทาง ศาสนา ใน พระ คัมภีร์ เดิม รวบ รวม โดย ฮาร์ริซ, อาร์เชอร์. และ วอล์ตเค รากศัพท์ ของ คํา ภาษา เดิม ที่ ได้ รับ การ แปล “กดขี่ ข่มเหง” เกี่ยว ข้อง กับ คํา “การ วาง ภาระ, การ เหยียบ, การ ขยี้ คน เหล่า นั้น ที่ อยู่ ใน ฐานะ ต่ํา กว่า.”
From oppression and from violence he will redeem their soul, and their blood will be precious in his eyes.” —Psalm 72:12-14.
พระองค์ จะ ไถ่ ชีวิต ของ เขา ให้ พ้น จาก การ ข่มเหง และ การ ร้ายกาจ; เลือด ของ เขา จะ ประเสริฐ ต่อ พระ เนตร ของ พระองค์.”—บทเพลง สรรเสริญ 72:12-14.
Many feel oppressed and live in dread of being expelled from the community —a terrible prospect for one who has never experienced life outside.
หลาย คน รู้สึก ถูก กดดัน และ มี ชีวิต อยู่ อย่าง หวาด กลัว ว่า จะ ถูก ไล่ ออก จาก หมู่ บ้าน ซึ่ง เป็น เรื่อง ที่ เลว ร้าย มาก สําหรับ คน ที่ ไม่ เคย ใช้ ชีวิต ใน โลก ภาย นอก.
(Romans 2:13-16) Hammurabi, an ancient Babylonian lawgiver, prefaced his law code as follows: “At that time [they] named me to promote the welfare of the people, me, Hammurabi, the devout, god-fearing prince, to cause justice to prevail in the land, to destroy the wicked and the evil, that the strong might not oppress the weak.”
(โรม 2:13-16) ฮัมมูราบี ผู้ บัญญัติ กฎหมาย สมัย บาบูโลน โบราณ กล่าว ใน บท นํา สําหรับ ประมวล กฎหมาย ของ ตน ว่า ดัง นี้: “ครั้ง นั้น [พวก เขา] ได้ แต่ง ตั้ง ข้า ฯ เจ้า ชาย ฮัมมูราบี ซึ่ง เลื่อมใส และ เกรง กลัว พระเจ้า ให้ ส่ง เสริม สวัสดิภาพ ของ ประชาชน ให้ มี ความ ยุติธรรม แพร่ หลาย ทั่ว แผ่นดิน เพื่อ กําจัด คน ชั่ว และ ความ ชั่ว ร้าย เพื่อ ว่า ผู้ มี กําลัง เข้มแข็ง จะ ไม่ กดขี่ ผู้ มี กําลัง น้อย.”
When a delegation asked him to remove some of the oppressive measures, he failed to heed mature advice from his older counselors and commanded that the people’s yoke be made heavier.
เมื่อ กลุ่ม ตัว แทน ทูล ขอ ท่าน ให้ ยก เลิก มาตรการ ที่ กดขี่ บาง อย่าง ท่าน ไม่ ได้ ใส่ ใจ ฟัง ข้อ แนะ ที่ รอบคอบ จาก ที่ ปรึกษา ผู้ สูง วัย และ มี รับสั่ง ให้ เพิ่ม ภาระ ของ ไพร่พล ให้ หนัก ขึ้น.
This does not mean an oppressive slavery but, rather, that we were created to be in subjection to God’s laws.
ทั้ง นี้ มิ ได้ หมาย ความ ถึง ทาส ที่ ถูก กดขี่ แต่ แทน ที่ จะ เป็น อย่าง นั้น เรา ถูก สร้าง ให้ ยอม อยู่ ใต้ กฎหมาย ของ พระเจ้า.
IN A world where disasters happen daily, it is truly comforting to know that as the Bible proclaims, war, crime, hunger, and oppression will soon end.
ใน โลก ซึ่ง มี ภัย พิบัติ เกิด ขึ้น ไม่ เว้น แต่ ละ วัน เป็น เรื่อง ที่ ปลอบโยน อย่าง แท้ จริง ที่ ทราบ ว่า สงคราม, อาชญากรรม, ความ หิว โหย, และ การ กดขี่ จะ หมด สิ้น ไป ใน ไม่ ช้า นี้ ดัง ที่ คัมภีร์ ไบเบิล ได้ แจ้ง ไว้.
I know that after my going away oppressive wolves will enter in among you and will not treat the flock with tenderness, and from among you yourselves men will rise and speak twisted things to draw away the disciples after themselves.”
ข้าพเจ้า ทราบ อยู่ ว่า เมื่อ ข้าพเจ้า ไป แล้ว ฝูง สุนัข ป่า ที่ กดขี่ จะ เข้า มา ปะปน ใน พวก ท่าน และ จะ ไม่ ปฏิบัติ ต่อ ฝูง แกะ ด้วย ความ อ่อนโยน และ จาก ท่ามกลาง พวก ท่าน จะ มี บาง คน ตั้ง ตัว ขึ้น พูด บิด เบือน ชัก นํา เหล่า สาวก ให้ หลง ตาม เขา ไป.” (กิจการ 20:28-30, ล.
(Exodus 3:1-10) God’s angel appeared to Gideon, who was appointed to save Israel from oppression.
(เอ็กโซโด 3:1-10) ทูตสวรรค์ ของ พระเจ้า ปรากฏ แก่ ฆิดโอน ผู้ ได้ รับ แต่ง ตั้ง เพื่อ ช่วย ชาติ ยิศราเอล ให้ รอด พ้น จาก การ กดขี่.
The Bible acknowledges that “oppression may make a wise one act crazy.”
คัมภีร์ ไบเบิล ยอม รับ ว่า “การ กดขี่ ข่มเหง กระทํา ผู้ มี สติ ปัญญา ให้ คลั่ง ไป.”
Canaanite King Jabin had oppressed the Israelites for 20 years when God had the prophetess Deborah motivate Judge Barak to take action.
ยาบีน กษัตริย์ คะนาอัน กดขี่ ชาว อิสราเอล นาน ถึง 20 ปี พระเจ้า จึง ให้ ผู้ พยากรณ์ หญิง ดะโบรา กระตุ้น ผู้ วินิจฉัย บาราค ให้ ลง มือ ปฏิบัติการ.
Comfort for the Oppressed
การ ปลอบโยน สําหรับ ผู้ ถูก กดขี่
From oppression and from violence he will redeem their soul, and their blood will be precious in his eyes.”
พระองค์ จะ ไถ่ ชีวิต ของ เขา ให้ พ้น จาก การ ข่มเหง และ การ ร้ายกาจ; เลือด ของ เขา จะ ประเสริฐ ต่อ พระ เนตร ของ พระองค์.”
Taking this reasoning a giant step further, God must then be the First Cause of all wickedness, violence, and oppression ever committed by man.
การ นํา การ ชัก เหตุ ผล เช่น นี้ ไป สู่ ขั้น ใหญ่ ขึ้น ไป อีก แล้ว พระเจ้า ก็ ต้อง เป็น ต้น เหตุ ของ ความ ชั่ว ความ รุนแรง และ การ กดขี่ ทั้ง มวล ที่ มนุษย์ เคย ทํา อยู่ เรื่อย มา.
The burden of taxes, tolls, and duties levied on the common people is said to have been extremely oppressive.
กล่าว กัน ว่า ภาษี และ ค่า ธรรมเนียม ที่ ประชาชน ทั่ว ไป ต้อง แบก รับ นั้น เป็น ภาระ ที่ หนัก เหลือ เกิน.
No longer will there be injustice, oppression, greed, and hatred.
จะ ไม่ มี ความ อยุติธรรม, การ กดขี่, ความ โลภ, และ ความ เกลียด ชัง อีก ต่อ ไป.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ oppression ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ oppression

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว