solstice ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า solstice ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ solstice ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า solstice ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง อายัน, มายัน, อายัน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า solstice

อายัน

noun (annual event)

มายัน

noun (point where the earth stands at the extreme of its ellipsis around the sun)

อายัน

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

“The Nativity gradually absorbed or supplanted all other solstice rites,” says the Encyclopedia of Religion.
สารานุกรม เกี่ยว กับ ศาสนา บอก ว่า “เรื่อง ราว การ ประสูติ ของ พระ เยซู ค่อย ๆ ซึมซับ หรือ เข้า มา แทน ที่ พิธีกรรม เหล่า นั้น ซึ่ง จัด ใน วัน ที่ ดวง อาทิตย์ มา ถึง จุด เหมา ยัน.
The Enciclopedia Hispánica likewise notes: “The date of December 25 for the celebration of Christmas is not the result of a strict chronological anniversary but, rather, of the Christianization of the festivals of the winter solstice that were celebrated in Rome.”
เอนซีโกลเพดยา อิ ส ปา นี กา ให้ ความ เห็น คล้าย กัน ว่า “การ กําหนด วัน ที่ 25 ธันวาคม สําหรับ การ ฉลอง คริสต์มาส ไม่ ได้ อาศัย การ คํานวณ ที่ ถูก ต้อง เกี่ยว กับ วัน ประสูติ ของ พระ เยซู แต่ กลับ เป็น การ ทํา ให้ เทศกาล เหมา ยัน (จุด ที่ ดวง อาทิตย์ อยู่ ไกล โลก มาก ที่ สุด ใน ฤดู หนาว) ซึ่ง มี การ ฉลอง ใน โรม กลาย มา เป็น แบบ คริสเตียน.”
He must return the bolt to me in 14 days, by midnight on the summer solstice,
เขาต้องเอาสายฟ้ามาคืนข้า ใน 14 วัน ก่อนเที่ยงคืน
It used to be a custom for the daughter-in-law to make a pair of traditional Korean socks and on the winter solstice give them to her mother-in-law.
เคย เป็น ธรรมเนียม ที่ ลูก สะใภ้ จะ ทํา ถุง เท้า ตาม ประเพณี เกาหลี คู่ หนึ่ง ใน เหมา ยัน (วัน ซึ่ง กลางคืน ยาว ที่ สุด) เพื่อ มอบ ให้ แม่ ของ สามี.
June solstice
จุด ครีษมายัน
That was when pagans indulged in orgies during the festivals of both the Roman Saturnalia and the Celtic and German feast of winter solstice.
นั่น เป็น คราว เมื่อ พวก นอก รีต ปล่อย ตัว ใน การ เลี้ยง เสพ สุรา อย่าง หัวราน้ํา ระหว่าง การ ฉลอง ของ ทั้ง แซทเทอร์นาเลีย ของ โรมัน และ งาน เลี้ยง ฉลอง การ ที่ ดวง อาทิตย์ เริ่ม กลับ มา จาก ตําแหน่ง ที่ ห่าง ไกล ที่ สุด ของ พวก เคลท์ และ เยอรมัน.
It was held for eight days, beginning on the 25th day of the month of Chislev, close to the winter solstice.
เทศกาล นี้ จัด ขึ้น แปด วัน เริ่ม ตั้ง แต่ วัน ที่ 25 เดือน คิสเลฟ ไป จน ถึง จุด เหมา ยัน ใน ฤดู หนาว (วัน ที่ กลางคืน ยาว ที่ สุด).
Nonetheless, this illustrates how customs related to the winter solstice and the end of the year spread all over the world through different paths.
ถึง อย่าง ไร ก็ ตาม เรื่อง นี้ แสดง ให้ เห็น วิธี ที่ ธรรมเนียม เกี่ยว กับ เหมา ยัน และ ตอน สิ้น ปี แพร่ ไป ตลอด ทั่ว โลก โดย วิถี ทาง ต่าง ๆ กัน.
Rather, that is a description of Saturnalia —a week-long pagan Roman festival associated with the winter solstice (depicted on opposite page).
แทน ที่ จะ เป็น เช่น นั้น นั่น เป็น การ พรรณนา ถึง เทศกาล ฉลอง พระ เสาร์—เทศกาล ฉลอง นาน 1 สัปดาห์ ของ ชาว โรมัน นอก รีต ซึ่ง เกี่ยว ข้อง กับ เหมา ยัน [จุด ที่ ดวง อาทิตย์ อยู่ ไกล โลก มาก ที่ สุด ใน ฤดู หนาว] (ดัง ภาพ ใน หน้า ตรง ข้าม).
This and other theories unsupported by fact have been linked to interpretations of an ancient Maya calendar, which, according to some, ends at the winter solstice of 2012.
ทฤษฎี นี้ และ ทฤษฎี อื่น ๆ มี พื้น ฐาน มา จาก ปฏิทิน ของ ชาว มายา โบราณ ซึ่ง บาง คน คิด ว่า จะ สิ้น สุด ลง ณ จุด เหมา ยัน [วัน ที่ มี ช่วง กลางวัน สั้น ที่ สุด ใน รอบ ปี] ของ ปี 2012 แต่ ไม่ มี ข้อ เท็จ จริง ใด ๆ สนับสนุน ทฤษฎี เหล่า นี้.
He knew that a stick stuck in the ground in Alexandria at the same time and the same day, at noon, the sun's zenith, on the solstice, the sun cast a shadow that showed that it was 7.2 degrees off-axis.
เขารู้ว่าแท่งไม้ปักอยู่บนพื้นในอเลกซานเดรีย ณ วันและเวลาเดียวกัน ตอนเที่ยง พระอาทิตย์อยู่ ณ จุดสูงสุด ในวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลที่สุด ดวงอาทิตย์ฉายเงาที่ทํามุม 7.2 องศาออกจากแกน
For instance, whatever one’s view of the Soviet stance on Christmas, it would be hard to argue with the following historical facts set out in the Great Soviet Encyclopedia: “Christmas . . . was borrowed from the pre-Christian worship of gods ‘dying and rising from the dead,’ which was especially prevalent among agricultural peoples who, in a period usually confined to the winter solstice from December 21-25, annually celebrated the ‘birth’ of the God-Savior, who wakens nature to new life.”
ตัว อย่าง เช่น ไม่ ว่า คน เรา มี ทัศนะ เช่น ไร ก็ ตาม ต่อ ท่าที ของ โซเวียต ที่ มี ต่อ คริสต์มาส คง จะ เป็น เรื่อง ยาก ที่ จะ โต้ แย้ง กับ ข้อ เท็จ จริง ทาง ประวัติศาสตร์ ต่อ ไป นี้ ตาม ที่ กล่าว ไว้ ใน สารานุกรม โซเวียต ที่ ยิ่ง ใหญ่ (ภาษา รัสเซีย) ว่า “คริสต์มาส . . . ได้ ถูก ยืม มา จาก การ นมัสการ พระ ต่าง ๆ ที่ ‘ตาย และ เป็น ขึ้น จาก ตาย’ ซึ่ง มี อยู่ ก่อน ยุค คริสเตียน ซึ่ง มี แพร่ หลาย โดย เฉพาะ อย่าง ยิ่ง ใน ท่ามกลาง ผู้ คน ที่ ทํา การ เกษตร ซึ่ง ฉลอง ทุก ปี เกี่ยว กับ ‘การ กําเนิด’ ของ พระเจ้า ผู้ ช่วย ให้ รอด ผู้ ทรง คืน ชีวิต ใหม่ ให้ ธรรมชาติ ใน ช่วง หนึ่ง ที่ มัก จํากัด อยู่ ใน คราว เหมา ยัน (ช่วง ที่ กลางคืน ยาว ที่ สุด ใน ฤดู หนาว) ระหว่าง วัน ที่ 21-25 ธันวาคม.”
And the Tropic of Cancer is the location where the sun's rays truly are vertical during the summer solstice.
และทรอปิก ออฟ แคนเซอร์ คือตําแหน่งที่รังสีจากดวงอาทิตย์ตกลงแนวดิ่ง ในช่วงซํมเมอร์โซลทิสพอดี
25, I feel the same longing to go back to that old-fashioned kind of Christmas of long ago —the pagan ceremony that celebrated the winter solstice by worshipping trees and holding orgies.
ทุก ๆ วัน ที่ 25 ธันวาคม ผม รู้สึก ถึง ความ ปรารถนา อย่าง เดียว กัน ที่ จะ ย้อน กลับ ไป ยัง คริสต์มาส แบบ สมัย ก่อน—พิธีรีตอง แบบ นอก รีต ซึ่ง ฉลอง การ ที่ ดวง อาทิตย์ เริ่ม กลับ มา จาก ตําแหน่ง ที่ ห่าง ไกล ที่ สุด โดย การ นมัสการ ต้น ไม้ และ การ จัด งาน เลี้ยง สุรา อย่าง หัวราน้ํา.
From the middle of the fourth century, Christianity assimilated the celebration of the winter solstice from the worship of Mithra, turning it into the Christmas celebration.
ตั้ง แต่ กลาง ศตวรรษ ที่ สี่ ศาสนา คริสเตียน ได้ รับ เอา ธรรมเนียม การ ฉลอง เทศกาล เหมา ยัน มา จาก การ นมัสการ พระ อาทิตย์ โดย เปลี่ยน ธรรมเนียม ดัง กล่าว เป็น การ ฉลอง คริสต์มาส.
It says regarding the date attributed to Christ’s birth: “The date of December 25 does not correspond to Christ’s birth but to the feast of the Natalis Solis Invicti, the Roman sun festival at the solstice.”
สารานุกรม นั้น กล่าว เกี่ยว กับ วัน เดือน ปี ที่ ถือ กัน ว่า เป็น ประสูติ กาล ของ พระ คริสต์ ว่า “วัน ที่ 25 ธันวาคม มิ ได้ ตรง กับ ประสูติ กาล ของ พระ คริสต์ แต่ ตรง กับ งาน เลี้ยง ฉลอง ของ นาทาลิส โซลิส อินวิคทิ วัน เฉลิม ฉลอง พระ อาทิตย์ ของ พวก โรมัน ใน วัน ที่ ดวง อาทิตย์ อยู่ ไกล ที่ สุด.”
Viewing points were “positioned so that on the winter and summer solstices the sun rises and sets over the towers on the opposite [ends] of the line, establishing the beginning and midpoint of the solar year,” explains Science magazine.
วารสาร ไซเยนซ์ อธิบาย ว่า มี การ กําหนด ตําแหน่ง สําหรับ ดู ดวง อาทิตย์ เอา ไว้ “เพื่อ ว่า ณ จุด เหมา ยัน (22 ธันวาคม) จะ มอง เห็น ดวง อาทิตย์ ขึ้น และ ตก เหนือ หอ แรก และ จุด ครี ษมา ยัน (22 มิถุนายน) จะ เห็น ดวง อาทิตย์ ขึ้น และ ตก เหนือ หอ สุด ท้าย ของ แนว โค้ง นั้น ซึ่ง เป็น การ กําหนด จุด เริ่ม ต้น และ จุด กึ่งกลาง ปี ทาง สุริยคติ.”
“The date of December 25 does not correspond to Christ’s birth,” acknowledges the New Catholic Encyclopedia, “but to the feast of the Natalis Solis Invicti, the Roman sun festival at the solstice.”
สารานุกรม นิว คาทอลิก ยอม รับ เรื่อง นี้ ว่า “วัน ที่ 25 ธันวาคม มิ ได้ ตรง กับ ประสูติ กาล ของ พระ คริสต์ แต่ ตรง กับ งาน เลี้ยง ฉลอง ของ นาทาลิส โซลิส อินวิคติ วัน เฉลิม ฉลอง พระ อาทิตย์ ของ ชาว โรมัน ณ วัน ที่ ดวง อาทิตย์ อยู่ ไกล ที่ สุด.”
At that time, this was the date of the pagan winter-solstice festival called the ‘Birth (Latin, natale) of the Sun,’ since the sun appeared to be reborn as the days once again became longer.
สมัย นั้น นี่ เป็น วัน ฉลอง เทศกาล เหมา ยัน ของ ชน นอก รีต ที่ เรียก กัน ว่า ‘วัน ประสูติ (ละติน, นาตาเล ) ของ สุริยเทพ’ เนื่อง จาก ดวง อาทิตย์ ดู เหมือน เกิด ใหม่ เพราะ เวลา กลางวัน จะ เริ่ม ยาว ขึ้น อีก ครั้ง.
Both birthdays were celebrated on December 25, the winter solstice according to the Julian calendar.
การ ฉลอง วัน เกิด ของ เทพเจ้า สอง องค์ นี้ ถูก จัด ขึ้น ใน วัน ที่ 25 ธันวาคม วัน ที่ ดวง อาทิตย์ มา ถึง จุด เหมา ยัน ตาม ปฏิทิน จูเลียน.
Regarding the date December 25, the pope admitted: “On that day in pagan antiquity, the birthday of the ‘Invincible Sun’ was celebrated to coincide with the winter solstice.”
เกี่ยว ด้วย วัน ที่ 25 ธันวาคม นั้น โปป ยอม รับ ว่า “วัน นั้น ใน สมัย โบราณ ของ พวก นอก รีต ได้ มี การ เฉลิม ฉลอง วัน เกิด ของ ‘พระ อาทิตย์ ผู้ เกรียง ไกร’ เพื่อ ให้ ประจวบ เหมาะ กับ วัน ที่ กลางคืน ยาว ที่ สุด ใน ฤดู หนาว.”
It is the time of the winter solstice —time for the grand festival of the sun.
บัดนี้ เป็น ช่วง แห่ง อา ยัน (วัน ที่ ดวง อาทิตย์ อยู่ ไกล สุด จาก เส้น ศูนย์สูตร) ของ ฤดู หนาว—เป็น วาระ แห่ง เทศกาล ฉลอง ดวง อาทิตย์ อัน มโหฬาร.
Its roots: “The establishment of December 25 evolved not from biblical precedent,” says The Christmas Encyclopedia, “but from pagan Roman festivals held at year’s end,” about the time of the winter solstice in the Northern Hemisphere.
ที่ มา ของ เรื่อง: สารานุกรม คริสต์มาส (ภาษา อังกฤษ) กล่าว ว่า “การ กําหนด เอา วัน ที่ 25 ธันวาคม ไม่ ได้ มา จาก คัมภีร์ ไบเบิล แต่ มา จาก เทศกาล นอก รีต ของ ชาว โรมัน ซึ่ง จัด ขึ้น ตอน สิ้น ปี” ใน ช่วง ที่ ดวง อาทิตย์ มา ถึง จุด เหมา ยัน สําหรับ ซีก โลก เหนือ.
The Enciclopedia Hispánica notes: “The date of December 25 for the celebration of Christmas is not the result of a strict chronological anniversary but, rather, of the Christianization of the festivals of the winter solstice.”
เอนซีโกลเพดยา อิสปานีกา ให้ ความ เห็น ว่า “การ กําหนด วัน ที่ 25 ธันวาคม สําหรับ การ ฉลอง คริสต์มาส ไม่ ได้ อาศัย การ คํานวณ ที่ ถูก ต้อง เกี่ยว กับ วัน ประสูติ ของ พระ เยซู แต่ กลับ เป็น การ ทํา ให้ เทศกาล เหมา ยัน กลาย มา เป็น แบบ คริสเตียน.”
And if it's not returned by the summer solstice, in 10 days,
และถ้าหากยังไม่ได้คืนNก่อนวันครีษมายัน

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ solstice ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว