infectious ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า infectious ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ infectious ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า infectious ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ติดเชื้อ, ซึ่งติดเชื้อ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า infectious

ติดเชื้อ

adjective

We were attempting to treat an apparent outbreak of a highly infectious neurotoxin that causes Lazarus syndrome.
เราพยายามรักษา โรคระบาดจากการติดเชื้อที่มีพิษต่อประสาท ทําให้เกิดอาการลาซารัส

ซึ่งติดเชื้อ

adjective

We stand on the brink of a global crisis in infectious diseases.
ใน เรื่อง โรค ติด เชื้อ เรา ยืน อยู่ ณ ธรณี ประตู แห่ง วิกฤตการณ์ ทั่ว โลก.

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

Infectious disease would be defeated; conquest would follow conquest.
โรค ติด เชื้อ จะ ต้อง แพ้ ราบ คาบ; โรค แล้ว โรค เล่า จะ ถูก ขจัด ออก ไป.
So, for Ebola, the paranoid fear of an infectious disease, followed by a few cases transported to wealthy countries, led the global community to come together, and with the work of dedicated vaccine companies, we now have these: Two Ebola vaccines in efficacy trials in the Ebola countries --
ฉะนั้น สําหรับอีโบล่า ความกลัวที่น่าสับสนต่อโรคติดต่อ ที่ถูกตามมาด้วยผู้ป่วยบางราย ที่ถูกส่งตัวไปยังประเทศที่ร่ํารวย นําไปสู่การหันหน้าเข้าหากัน ของสังคมระดับโลก และด้วยการทํางานของอย่างทุ่มเท ของบริษัทวัคซีน ตอนนี้เรามีสิ่งเหล่านี้ วัคซีนอีโบล่าสองขนาน ที่อยู่ในการทดสอบประสิทธิภาพ ในประเทศที่มีอีโบล่า
So, hopefully, we will go from being the art of medicine more to the science of medicine, and be able to do what they do in infectious disease, which is look at that organism, that bacteria, and then say, "This antibiotic makes sense, because you have a particular bacteria that will respond to it."
ดังนั้น จึงหวังได้ว่า เราจะคืบหน้า จากการเป็นศิลปะทางการแพทย์ ไปเป็นวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ได้มากขึ้น และสามารถทําสิ่งที่เราทํากันกับโรคติดเชื้อได้ นั่นคือ ศึกษาสิ่งที่มีชีวิตนั้นๆ แบคทีเรียตัวนั้น แล้วก็บอกได้ว่า ยาปฏิชีวนะตัวนี้ใช้ได้ เพราะว่า เรามีเชื้อโรคตัวใดตัวหนึ่งที่ตอบรับกับยา
At the beginning of the 1980’s, just when it seemed that medical science had tamed the most dangerous microbes, this new infectious disease arose to haunt humanity.
ใน ตอน เริ่ม ต้น ทศวรรษ 1980 เมื่อ ดู เหมือน ว่า วิทยาศาสตร์ การ แพทย์ สามารถ ควบคุม จุลชีพ ที่ เป็น อันตราย ส่วน ใหญ่ ได้ แล้ว ตอน นั้น เอง ก็ เกิด โรค ติด เชื้อ ชนิด ใหม่ นี้ ขึ้น คุกคาม มนุษยชาติ.
We stand on the brink of a global crisis in infectious diseases.
ใน เรื่อง โรค ติด เชื้อ เรา ยืน อยู่ ณ ธรณี ประตู แห่ง วิกฤตการณ์ ทั่ว โลก.
In 1972, Nobel laureate Macfarlane Burnet along with David White wrote: “The most likely forecast about the future of infectious disease is that it will be very dull.”
ใน ปี 1972 ผู้ ได้ รับ รางวัล โนเบล ชื่อ แมกฟาร์เลน เบอร์เนต พร้อม กับ เดวิด ไวท์ เขียน ว่า “การ พยากรณ์ ล่วง หน้า ที่ น่า จะ เป็น ไป ได้ มาก ที่ สุด เกี่ยว กับ อนาคต ของ โรค ติด เชื้อ จะ เป็น สิ่ง ที่ น่า เบื่อ มาก.”
Proper sanitation requires the prompt removal of dead bodies, which can be dangerous sources of infectious diseases for both man and beast.
การ สุขาภิบาล ที่ ถูก หลัก จํา ต้อง มี การ ขจัด ซาก ศพ หรือ ซาก สัตว์ ทันที ซึ่ง อาจ เป็น แหล่ง อันตราย ทํา ให้ เกิด โรค ติด เชื้อ ต่าง ๆ สําหรับ ทั้ง คน และ สัตว์ ได้.
That openness, that trust, is only going to be more important as we move from the infectious to the behavioral model of disease.
การเปิดเผย ความไว้วางใจ จะทวีความสําคัญยิ่งขึ้น เมื่อเราเปลี่ยนผ่านจาก โรคจากการติดเชื้อ ไปสู่โรคจากพฤติกรรม
Exposure to blood, body fluids, and infectious diseases is a constant risk.
โอกาส สัมผัส เลือด สาร คัด หลั่ง และ ติด โรค ก็ เป็น ความ เสี่ยง ที่ มี อยู่ เป็น ประจํา.
(Luke 21:10, 11; Matthew 24:3, 7) The Greek word for “pestilence” refers to “any deadly infectious malady.”
ม. ; มัดธาย 24:3, 7) คํา ภาษา กรีก สําหรับ “โรค ระบาด” หมาย ถึง “โรค ติด เชื้อ ที่ ทํา ให้ ถึง ตาย ไม่ ว่า ชนิด ใด.”
The eyes of the world are focused on such infectious diseases as AIDS and Ebola.
ผู้ คน ใน โลก เพ่งเล็ง อยู่ กับ โรค ติด ต่อ อย่าง เช่น เอดส์ และ อีโบลา.
Today infectious disease remains the world’s leading cause of death, killing over 50 million people in 1996 alone.
ปัจจุบัน โรค ติด เชื้อ ยัง คง เป็น สาเหตุ ต้น ๆ ที่ ทํา ให้ ผู้ คน ใน โลก เสีย ชีวิต คร่า ชีวิต มาก กว่า 50 ล้าน คน ใน ปี 1996 ปี เดียว.
In spite of this, plagues of infectious diseases are still ravaging the world.
ทั้ง ๆ ที่ เป็น เช่น นี้ ภัย จาก โรค ติด เชื้อ ก็ ยัง คง ก่อ ความ เสียหาย แก่ โลก.
Because they are so small, it is hoped that nanodevices will someday be able to travel through tiny capillaries and deliver oxygen to anemic tissues, remove obstructions from blood vessels and plaque from brain cells, and even hunt down and destroy viruses, bacteria, and other infectious agents.
เนื่อง จาก อุปกรณ์ นาโน เหล่า นี้ มี ขนาด เล็ก มาก จึง หวัง กัน ว่า สัก วัน หนึ่ง มัน จะ สามารถ ลอด ผ่าน หลอด เลือด ฝอย เล็ก ๆ และ นํา ออกซิเจน ไป ยัง เนื้อ เยื่อ ที่ ขาด เลือด, ขจัด สิ่ง ที่ อุดตัน ใน หลอด เลือด และ ขจัด ปม พังผืด (plaque) จาก เซลล์ ประสาท, และ ถึง กับ ไล่ ล่า และ ทําลาย ไวรัส, แบคทีเรีย, และ เชื้อ โรค อื่น ๆ.
To avoid transmitting an infectious or a potentially fatal disease to others, why should an infected person (a) not initiate displays of affection, such as hugging and kissing?
เพื่อ หลีก เลี่ยง การ แพร่ โรค ติด ต่อ หรือ แพร่ เชื้อ โรค ที่ ร้ายแรง ถึง ตาย ทําไม ผู้ ติด เชื้อ ต้อง (ก) ไม่ ควร ริเริ่ม แสดง ความ รัก ต่อ คน อื่น เช่น การ กอด หรือ จูบ?
In fact, a few years ago, The New York Times Magazine called it “the fastest-growing infectious disease in the [United States] after AIDS.”
ที่ จริง เมื่อ สอง สาม ปี ที่ แล้ว เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ แมกกาซีน เรียก โรค นี้ ว่า “โรค ติด เชื้อ ที่ แพร่ กระจาย รวด เร็ว ที่ สุด ใน [สหรัฐ] รอง จาก โรค เอดส์.”
The world was enjoying a “vacation” from infectious disease.
โลก ใน เวลา นั้น กําลัง มี “ช่วง หยุด พัก” จาก โรค ติด ต่อ.
Modern medicine in the late 19th century began to make major breakthroughs against the infectious diseases that killed a lot of people.
ในศตวรรษที่ 19 การแพทย์สมัยใหม่ เริ่มมีการพัฒนาค้นพบที่สําคัญ ในเรื่องโรคติดต่อที่คร่าชีวิตคนจํานวนมาก
The Public Health Agency of Canada states that “hands spread an estimated 80 percent of common infectious diseases like the common cold and flu.”
หน่วย งาน สาธารณสุข ของ แคนาดา รายงาน ว่า “มือ เป็น สาเหตุ ของ การ แพร่ โรค ติด เชื้อ ทั่ว ไป ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เช่น หวัด และ ไข้หวัด ใหญ่.”
The same article suggests that “obesity may soon surpass both hunger and infectious disease as the world’s most pressing public-health problem.”
บทความ เดียว กัน นี้ ชี้ ว่า “อีก ไม่ นาน โรค อ้วน อาจ จะ กลาย เป็น ปัญหา ด้าน สาธารณสุข ที่ เร่ง ด่วน ที่ สุด ใน โลก โดย แซง หน้า ทั้ง การ ขาด แคลน อาหาร และ โรค ติด เชื้อ.”
Perhaps stemming the tide of infectious diseases is simply beyond mankind’s reach—not because of insufficient funds, but for deeper reasons.
บาง ที การ ยับยั้ง การ แพร่ ระบาด ของ โรค ติด ต่อ นั้น เป็น สิ่ง ที่ เกิน ความ สามารถ ของ มนุษยชาติ ที เดียว—ไม่ ใช่ เนื่อง จาก ขาด เงิน ทุน แต่ เนื่อง จาก เหตุ ผล ที่ ลึกซึ้ง กว่า นั้น.
I'm working on infectious disease.
ตอนนี้ฉันทําวิจัยเกี่ยวกับโรคระบาดติดต่อ
In fact, the infectious agent of disease in this cancer is something altogether more sinister, and something that we hadn't really thought of before.
เป็นสิ่งที่โดยรวมแล้วร้ายแรงยิ่งกว่า และเป็นสิ่งที่จริงๆแล้วเราไม่เคยคาดคิดกันมาก่อนค่ะ
An appendix to the decree acknowledges that transfusions can transmit “infectious diseases, such as hepatitis and AIDS,” and that “laboratory tests cannot always identify persons recently infected.”
ภาค ผนวก ของ คํา สั่ง ยอม รับ ว่า การ ถ่าย เลือด อาจ ถ่ายทอด “โรค ติด ต่อ ได้ เช่น ตับ อักเสบ และ เอดส์” และ ว่า “การ ตรวจ ใน ห้อง ปฏิบัติการ ไม่ อาจ ระบุ บุคคล ที่ เพิ่ง ติด เชื้อ ใหม่ ๆ ได้ เสมอ ไป.”
In fact, the report says that the majority of the 13 million deaths from infectious diseases that occurred in 1999 “could have been prevented at a cost of US$ 5 per person.”
ที่ จริง รายงาน นั้น กล่าว ว่า ใน จํานวน ผู้ เสีย ชีวิต 13 ล้าน ราย เนื่อง จาก โรค ติด เชื้อ ซึ่ง เกิด ใน ปี 1999 นั้น ส่วน ใหญ่ แล้ว “ป้องกัน ได้ ด้วย เงิน เพียง 5 ดอลลาร์ สหรัฐ (ประมาณ 200 บาท) ต่อ คน.”

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ infectious ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ infectious

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว