nineteenth ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร
ความหมายของคำว่า nineteenth ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ nineteenth ใน ภาษาอังกฤษ
คำว่า nineteenth ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ที่สิบเก้า, ที่ 19, หนึ่งในสิบเก้าส่วน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง
ความหมายของคำว่า nineteenth
ที่สิบเก้าadjectivenoun The nineteenth century had brought an end to the wretched slave trade. การค้าทาสอันน่ารังเกียจสิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเก้า. |
ที่ 19adjective This was discovered by Francis Galton in the nineteenth century. มันถูกค้นพบโดย ฟรานซิส แกลตัน (Francis Galton) ในศตวรรษ์ที่ 19 |
หนึ่งในสิบเก้าส่วนadjective The nineteenth century had brought an end to the wretched slave trade. การ ค้า ทาส อัน น่า รังเกียจ สิ้น สุด ลง แล้ว ตั้ง แต่ ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า. |
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
Early theories of human evolution were “the imagination of nineteenth century scientists” ทฤษฎี ต้น ๆ ว่า ด้วย วิวัฒนาการ ของ มนุษย์ เป็น “จินตนาการ ของ นัก วิทยาศาสตร์ ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า” |
2 And it came to pass in the nineteenth year of the reign of the judges over the people of Nephi, that Alma came unto his son Helaman and said unto him: Believest thou the words which I spake unto thee concerning those arecords which have been kept? ๒ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นในปีที่สิบเก้าแห่งการปกครองของผู้พิพากษาเหนือผู้คนของนีไฟ, คือแอลมาได้มาหาฮีลามันบุตรของท่านและกล่าวแก่ท่านว่า : ลูกเชื่อถ้อยคําซึ่งพ่อพูดกับลูกเกี่ยวกับบันทึกกเหล่านั้นซึ่งเขียนไว้หรือเปล่า ? |
21 But, as I have said, in the alatter end of the nineteenth year, yea, notwithstanding their peace amongst themselves, they were compelled reluctantly to contend with their brethren, the Lamanites. ๒๑ แต่, ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้, ในตอนปลายปีที่สิบเก้า, แท้จริงแล้ว, ทั้งที่มีสันติภาพระหว่างพวกเขาเอง, พวกเขายังถูกบีบบังคับอย่างไม่เต็มใจให้ต่อสู้กับชาวเลมัน, พี่น้องของตน. |
This was discovered by Francis Galton in the nineteenth century. มันถูกค้นพบโดย ฟรานซิส แกลตัน ( Francis Galton ) ในศตวรรษ์ที่ 19 |
Says The Life of Birds: “Blackbirds descended from those that were taken to Australia during the nineteenth century to gladden the ears of European settlers with sounds of home, now have very distinct Australian accents.” หนังสือ ชีวิต นก กล่าว ว่า “นก เดิน ดง ดํา ซึ่ง เป็น ลูก หลาน ของ นก ที่ ถูก นํา ไป ยัง ออสเตรเลีย ใน ช่วง ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า เพื่อ ทํา ให้ ผู้ ตั้ง ถิ่น ฐาน ชาว ยุโรป รู้สึก ชื่นชม ยินดี ที่ ได้ ฟัง เสียง จาก บ้าน เกิด มา บัด นี้ พวก มัน ร้อง เป็น สําเนียง ออสเตรเลีย ได้ อย่าง ชัดเจน.” |
And it came to pass that this nineteenth year did pass away, and the robbers did not come again to battle; neither did they come again in the twentieth year. และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือปีที่สิบเก้านี้ผ่านไป, และพวกโจรมิได้ยกมาสู้รบอีก; ทั้งมิได้ยกมาอีกในปีที่ยี่สิบ. |
Although he’s best known for his short horror stories, Poe was actually one of the most versatile and experimental writers of the nineteenth century. แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียง จากเรื่องสั้นแนวสยองขวัญ อันที่จริงแล้ว โพลเป็นนักเขียน แห่งศตวรรษที่สิบเก้า ที่มีความสามารถหลากหลาย และชอบทดลองอะไรใหม่ ๆ |
It is not easy to grasp the extent of the, unfortunately accelerating, return to what our nineteenth-century ancestors would have called the standards of barbarism.” เป็น เรื่อง ยาก ที่ จะ เข้าใจ ขอบ เขต ของ การ กลับ คืน ซึ่ง เร็ว ขึ้น อย่าง น่า เศร้า ใจ สู่ สภาพ ที่ บรรพบุรุษ ของ เรา ใน ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า คง จะ เรียก ว่า มาตรฐาน ของ ความ ป่า เถื่อน.” |
In 1882, Robert Koch identified the germ that causes tuberculosis, described by one historian as “the greatest killer disease of the nineteenth century.” ใน ปี 1882 โรเบิร์ต คอค ค้น พบ เชื้อ โรค ที่ เป็น สาเหตุ ของ วัณโรค ซึ่ง เป็น โรค ที่ ได้ รับ การ พรรณนา จาก นัก ประวัติศาสตร์ คน หนึ่ง ว่า “โรค ที่ คร่า ชีวิต คน มาก ที่ สุด ใน ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า.” |
When the [American] slavery issue and other developments divided the denominations and then the nation in the nineteenth century, Baptists North and South supported the war effort as a righteous crusade and assumed that God was on their side. ใน ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า เมื่อ เกิด ประเด็น ใน เรื่อง ทาส [ที่ อเมริกา] และ เหตุ การณ์ อื่น ๆ ที่ แบ่ง แยก นิกาย ต่าง ๆ แล้ว ต่อ มา ก็ แบ่ง แยก คน ทั้ง ชาติ ทั้ง แบพติสต์ ฝ่าย เหนือ และ ฝ่าย ใต้ ต่าง ก็ สนับสนุน การ ทํา สงคราม ว่า เป็น สงคราม ศาสนา ที่ ชอบธรรม และ ทึกทัก ว่า พระเจ้า อยู่ ฝ่าย ตน. |
1 And now it came to pass in the eleventh month of the nineteenth year, on the tenth day of the month, the armies of the Lamanites were seen approaching towards the land of aAmmonihah. ๑ และบัดนี้เหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือในเดือนที่สิบเอ็ดของปีที่สิบเก้า, ในวันที่สิบของเดือน, มีผู้เห็นกองทัพชาวเลมันกําลังยกมายังแผ่นดินแห่งแอมันไนฮาห์. |
Nineteenth-century American poet Ralph Waldo Emerson once complained: “How much of human life is lost in waiting!” ราล์ฟ วัลโด เอเมอร์สัน กวี ชาว อเมริกัน ใน ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า เคย บ่น ครั้ง หนึ่ง ว่า “ชีวิต มนุษย์ หมด ไป สัก เท่า ไร ใน การ รอ คอย!” |
Nineteenth-century German philosopher Friedrich Nietzsche, for example, described Christianity in the latter sense as “the one immortal blemish of mankind.” ตัว อย่าง เช่น ฟริดริค นีทซ์เช นัก ปรัชญา ชาว เยอรมัน ใน ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า ได้ พรรณนา ศาสนา คริสเตียน ด้วย ความ รังเกียจ ใน พฤติกรรม ของ องค์การ ศาสนา ดัง กล่าว ว่า เป็น “รอย มลทิน ถาวร อย่าง หนึ่ง ของ มนุษยชาติ.” |
The nineteenth century had brought an end to the wretched slave trade. การ ค้า ทาส อัน น่า รังเกียจ สิ้น สุด ลง แล้ว ตั้ง แต่ ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า. |
Nineteenth-century Bible commentator Adam Clarke speculated that God’s establishing a sign as a result of Cain’s fear came about because several generations of Adam’s descendants already existed —enough “to found several villages.” อดัม คลาร์ก นัก วิจารณ์ คัมภีร์ ไบเบิล ใน ศตวรรษ ที่ 19 สันนิษฐาน ว่า ที่ พระเจ้า ทํา เครื่องหมาย ไว้ ที่ ตัว คายิน อาจ เป็น เพราะ คายิน กลัว เพราะ ใน เวลา นั้น อาดาม มี ลูก หลาน หลาย ชั่ว อายุ คน แล้ว ซึ่ง มาก พอ ที่ จะ “ตั้ง หมู่ บ้าน หลาย แห่ง” ได้. |
Jeffery Sobal, associate professor in nutritional sciences at Cornell University, U.S.A., points out: “Through the nineteenth century, almost all societies equated heaviness with elevated social status. เจฟฟรีย์ โซบาล ผู้ ช่วย ศาสตราจารย์ ภาค วิชา วิทยาศาสตร์ ด้าน โภชนาการ แห่ง มหาวิทยาลัย คอร์เนลล์ สหรัฐ อเมริกา ชี้ ว่า “ตลอด ช่วง ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า เกือบ ทุก สังคม ถือ ว่า ความ อ้วน เป็น สัญลักษณ์ ของ คน ชั้น สูง. |
The pace of global invention had advanced throughout the nineteenth century, bringing railroads, the telephone, the electric light, cinema, the motor car, and household conveniences too numerous to mention. มี ความ ก้าว หน้า ใน การ ประดิษฐ์ สิ่ง ใหม่ ๆ ทั่ว โลก ตลอด ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า ทํา ให้ มี ทาง รถไฟ, โทรศัพท์, แสง ไฟฟ้า, ภาพยนตร์, รถยนต์, และ เครื่อง อํานวย ความ สะดวก ใน บ้าน นับ ไม่ ถ้วน. |
Why had the promise of the nineteenth century been dashed? เหตุ ใด คํา สัญญา แห่ง ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า จึง ถูก ทําลาย? |
5 And it came to pass that in the nineteenth year Giddianhi found that it was expedient that he should go up to battle against the Nephites, for there was ano way that they could subsist save it were to plunder and rob and murder. ๕ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือในปีที่สิบเก้ากิดดิแอนไฮเห็นว่าสมควรที่เขาจะยกไปสู้รบกับชาวนีไฟ, เพราะไม่มีทางใดที่พวกเขาจะอยู่ได้นอกจากจะปล้นสะดมและปล้นและกระทําฆาตกรรม. |
This was discovered by Francis Galton in the nineteenth century. มันถูกค้นพบโดย ฟรานซิส แกลตัน (Francis Galton) ในศตวรรษ์ที่ 19 |
So between man’s supposed closest relatives and the early human fossils, there was only the imagination of nineteenth century scientists.” ดัง นั้น สิ่ง ที่ มี อยู่ ระหว่าง ญาติ สมมุติ ที่ ใกล้ มนุษย์ มาก ที่ สุด กับ ฟอสซิล ของ มนุษย์ สมัย แรก ๆ ก็ เป็น เพียง จินตนาการ ของ นัก วิทยาศาสตร์ ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า.” |
Wells wrote in The Outline of History: “Prevalent peoples at the close of the nineteenth century believed that they prevailed by virtue of the Struggle for Existence, in which the strong and cunning get the better of the weak and confiding. เวลส์ เขียน ไว้ ใน หนังสือ เค้าโครง ประวัติศาสตร์ (ภาษา อังกฤษ) ดัง นี้: “เหล่า ผู้ ทรง อํานาจ ใน ตอน ปลาย ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า เชื่อ ว่า พวก เขา มี อํานาจ โดย สิทธิ แห่ง การ ต่อ สู้ เพื่อ การ ดํารง อยู่ การ ต่อ สู้ ซึ่ง ผู้ ที่ แข็งแรง และ มี เล่ห์เหลี่ยม จะ เอา ชนะ ผู้ ที่ อ่อนแอ และ มัก เชื่อ คน อื่น. |
“Like a ghost that lingered past the appointed hour, the nineteenth century —with its essential orderliness, its self- confidence, and its faith in human progress— had tarried until August 1914, when the major European powers suffered a collective attack of muddleheadedness that led directly to the senseless slaughter of millions of the best young men of a generation. “ประดุจ ปิศาจ ที่ อ้อยอิ่ง ไม่ ยอม จาก ไป ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า—ซึ่ง ประกอบ ด้วย ความ เป็น ระเบียบ พื้น ฐาน, ความ มั่น ใจ ตน เอง, และ ความ วางใจ ใน ความ ก้าว หน้า ของ มนุษย์—ยัง ค้าง อยู่ จน กระทั่ง เดือน สิงหาคม ปี 1914 เมื่อ ประเทศ ผู้ ทรง อํานาจ ใหญ่ ๆ ของ ยุโรป ประสบ ร่วม กัน ถึง การ จู่ โจม ของ อาการ สมอง ปั่นป่วน ซึ่ง นํา ไป สู่ การ สังหาร ชีวิต คน วัย ฉกรรจ์ ที่ แข็งแรง ที่ สุด ใน รุ่น นั้น นับ ล้าน ๆ คน อย่าง ไร้ เหตุ ผล. |
Love of one’s country and hatred for its enemies proved the most potent rationalization for aggression the long nineteenth century produced.” ความ รัก ต่อ ประเทศ ชาติ ของ คน เรา และ ความ เกลียด ชัง ต่อ ประเทศ ของ ศัตรู ปรากฏ ว่า เป็น การ อ้าง เหตุ ผล ที่ มี พลัง โน้ม น้าว จิตใจ มาก ที่ สุด สําหรับ การ รุกราน ซึ่ง เป็น ผล จาก สิ่ง ที่ ได้ เกิด ขึ้น ใน ศตวรรษ ที่ สิบ เก้า.” |
37 And they began to have peace again in the land; and thus they did maintain peace in the land until nearly the end of the nineteenth year of the reign of the judges. ๓๗ และพวกเขาเริ่มมีสันติในแผ่นดินอีก; และดังนั้นพวกเขาธํารงรักษาสันติในแผ่นดินไว้จนเกือบถึงปลายปีที่สิบเก้าแห่งการปกครองของผู้พิพากษา. |
มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ
ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ nineteenth ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ
คำที่เกี่ยวข้องของ nineteenth
อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ
คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม
ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว