wrath ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า wrath ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ wrath ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า wrath ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ความโกรธ, ความฉุนเฉียว, ความแค้น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า wrath

ความโกรธ

noun

Gellar hasn't seen wrath until he's seen mine.
เกลล่าร์ยังไม่เคยเผชิญกับความโกรธที่แท้จริง จนกว่าจะเจอกับผม

ความฉุนเฉียว

noun

ความแค้น

noun

It condemns not only murder but being wrathful with others, not just adultery but lustful thoughts as well.
คําเทศน์นั้นตําหนิไม่เพียงการฆ่าคน แต่รวมถึงการโกรธแค้นผู้อื่น ทั้งยังตําหนิไม่เพียงการเล่นชู้ แต่รวมถึงความคิดที่หมกมุ่นในเรื่องราคะตัณหาด้วย.

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

He states: “Do not avenge yourselves, beloved, but yield place to the wrath; for it is written: ‘Vengeance is mine; I will repay, says Jehovah.’”
ท่าน กล่าว ว่า “อย่า แก้แค้น เสีย เอง พี่ น้อง ที่ รัก แต่ จง หลีก ทาง ให้ พระ พิโรธ ของ พระเจ้า; เพราะ มี เขียน ไว้ ว่า ‘การ แก้แค้น เป็น ของ เรา; เรา จะ ตอบ แทน พระ ยะโฮวา ตรัส.’
A common policy found in healthy families is that “nobody goes to bed angry at another,” noted the author of the survey.6 Yet, over 1,900 years ago, the Bible advised: “Be wrathful, and yet do not sin; let the sun not set with you in a provoked state.”
ผู้ เขียน รายงาน การ สํารวจ นี้ ให้ ข้อ สังเกต ว่า แนว ปฏิบัติ เหมือน ๆ กัน ที่ พบ ใน ครอบครัว ที่ มั่นคง คือ “ไม่ มี ใคร เข้า นอน ขณะ ที่ ยัง โกรธ กัน อยู่.” 6 กระนั้น กว่า 1,900 ปี มา แล้ว คัมภีร์ ไบเบิล แนะ นํา ดัง นี้: “โกรธ เถิด, แต่ อย่า ให้ เป็น การ บาป อย่า ให้ ถึง ตะวัน ตก ท่าน ยัง โกรธ อยู่.”
8 Therefore, inasmuch as you are found transgressors, you cannot escape my wrath in your lives.
๘ ฉะนั้น, ตราบเท่าที่พบว่าเจ้าทั้งหลายเป็นผู้ล่วงละเมิด, เจ้าจะไม่สามารถหนีพ้นโทสะของเราในชีวิตเจ้า.
The Bible clearly counsels us against becoming wrathful.
คัมภีร์ ไบเบิล แนะ นํา เรา อย่าง ชัดเจน ไม่ ให้ โกรธ.
Since continuing wrathful with an associate is so serious, perhaps even leading to murder, Jesus illustrates the extent to which one should go to achieve peace.
เนื่อง ด้วย การ โกรธ เพื่อน อยู่ เรื่อย ๆ เป็น เรื่อง ร้ายแรง จริง ๆ อาจ นํา ไป ถึง ขั้น จะ เข่น ฆ่า กัน พระ เยซู ทรง ยก อุทาหรณ์ ขึ้น มา สอน ว่า คน เรา ควร ทํา ถึง ขีด ไหน จึง จะ มี สันติ.
The apostle Paul was here referring to God’s wrath.
ใน ข้อ นี้ อัครสาวก เปาโล พาด พิง ถึง พระ พิโรธ ของ พระเจ้า.
Put them all away from you, wrath, anger, badness, abusive speech, and obscene talk out of your mouth.
ท่าน ทั้ง หลาย จง ละ ทิ้ง ทุก สิ่ง เหล่า นี้ เสีย คือ การ เดือดดาล ความ โกรธ การ ชั่ว การ พูด หยาบ หยาม และ อย่า ให้ มี คํา พูด หยาบ โลน ออก มา จาก ปาก ท่าน ทั้ง หลาย.
When someone wrongs us, it is only normal to feel a degree of wrath.
เมื่อ มี คน ทํา ผิด ต่อ เรา ก็ เป็น ธรรมดา ที่ จะ รู้สึก โกรธ อยู่ บ้าง.
I also testify that Jesus Christ has called apostles and prophets in our day and restored His Church with teachings and commandments as “a refuge from the storm, and from wrath” that will surely come unless the people of the world repent and return to Him.14
ข้าพเจ้าเป็นพยานด้วยว่าพระเยซูคริสต์ทรงเรียกอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์ในสมัยของเราและทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์ด้วยคําสอนและพระบัญญัติเพื่อ “การคุ้มภัย, และเพื่อเป็นที่พักพิงจากพายุ, และจากพระพิโรธ” ซึ่งจะมาถึงแน่นอนยกเว้นคนของโลกจะกลับใจและกลับไปหาพระองค์14
13TH VISION (19:11-21): Jesus leads the armies of heaven to execute God’s wrathful judgment on Satan’s system, its armies, and its supporters; carrion birds feast on their corpses.
นิมิต ที่ 13 (19:11-21): พระ เยซู นํา กองทัพ แห่ง สวรรค์ เพื่อ ลง โทษ ระบบ ของ ซาตาน, กองทัพ ของ มัน, และ เหล่า ผู้ สนับสนุน มัน ตาม การ พิพากษา เนื่อง ด้วย พระ พิโรธ ของ พระเจ้า; พวก นก ที่ กิน ของ เปื่อย เน่า กิน ซาก ศพ พวก เขา.
(John 10:5) Escaping God’s day of wrath, however, requires more of us than just fleeing from harmful things.
10:5) แต่ การ หนี ให้ พ้น ความ พินาศ ใน วัน แห่ง พระ พิโรธ ของ พระเจ้า เรียก ร้อง ให้ เรา ต้อง ทํา ไม่ เพียง แค่ หนี จาก สิ่ง ที่ ก่อ ผล เสียหาย.
4 True Christians strive to ‘deaden their body members as respects fornication, uncleanness, sexual appetite, hurtful desire, and covetousness,’ and they work at removing any old garment having a fabric of wrath, anger, badness, abusive speech, and obscene talk.
4 คริสเตียน แท้ พยายาม จะ ‘ประหาร อวัยวะ แห่ง ร่าง กาย ของ ตน ใน เรื่อง การ ล่วง ประเวณี การ โสโครก ราคะ ตัณหา ความ ปรารถนา ที่ ยัง ความ เสียหาย และ ความ ละโมบ’ และ พวก เขา พยายาม ถอด ทิ้ง เสื้อ ผ้า เก่า ซึ่ง ถัก ทอ ด้วย เส้นใย ที่ ประกอบ ด้วย โทโส ความ โกรธ เคือง ความ ชั่ว เลว ทราม คํา พูด หยาบคาย และ ลามก.
And you risk injuring a child (not to mention incurring parental wrath) if you take it upon yourself to use physical force.
และ คุณ เสี่ยง ต่อ การ ทํา อันตราย เด็ก (ไม่ ต้อง พูด ถึง ความ โกรธ เคือง ของ พ่อ แม่) ถ้า คุณ ใช้ กําลัง ทาง ร่าง กาย.
But “malicious bitterness and anger and wrath and screaming and abusive speech” simply tear down a marriage.
แต่ “ความ ขมขื่น อย่าง ประสงค์ ร้าย และ ความ โกรธ และ การ บันดาล โทสะ และ การ ร้อง โวยวาย และ คํา พูด หยาบ หยาม” มี แต่ จะ ทํา ให้ การ สมรส แตก แยก.
On the one hand, God’s loving forbearance is demonstrated by his holding back his wrath toward human rebellion; on the other hand, his kindness is found in the thousandfold expressions of his mercy.
ใน ด้าน หนึ่ง ความ อด กลั้น ด้วย ความ รัก ของ พระเจ้า แสดง ออก โดย ที่ พระองค์ ทรง ระงับ พระ พิโรธ ต่อ การ ขืน อํานาจ ของ มนุษย์; ใน อีก ด้าน หนึ่ง ความ กรุณา ของ พระองค์ นั้น พบ ได้ ใน คํา กล่าว นับ พัน ที่ แสดง ถึง ความ เมตตา ของ พระองค์.
“I desire that in every place the men carry on prayer, lifting up loyal hands, apart from wrath and debates.” —1 TIMOTHY 2:8.
“ข้าพเจ้า ปรารถนา ให้ ชาย ทั้ง หลาย อธิษฐาน ใน ที่ ประชุม ทุก แห่ง, ด้วย ยก มือ อัน บริสุทธิ์ [“ภักดี,” ล. ม.], ปราศจาก โทโส และ การ เถียง กัน.”—1 ติโมเธียว 2:8.
15 And out of his mouth proceedeth the word of God, and with it he will smite the nations; and he will rule them with the word of his mouth; and he treadeth the winepress in the fierceness and wrath of Almighty God.
๑๕ และจากปากเขาพระคําของพระผู้เป็นเจ้าออกมา, และด้วยพระคํานี้พระองค์จะทรงลงทัณฑ์บรรดาประชาชาติ; และพระองค์จะทรงปกครองพวกเขาด้วยพระคําจากพระโอษฐ์ของพระองค์; และพระองค์ทรงเหยียบบ่อย่ําองุ่นในความเดือดดาลและพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ.
(Psalm 37:8) True, we may at times become justifiably angry, but Paul counsels us: “Be wrathful, and yet do not sin; let the sun not set with you in a provoked state, neither allow place for the Devil.” —Ephesians 4:26, 27.
(บทเพลง สรรเสริญ 37:8) จริง อยู่ เรา อาจ มี เหตุ ผล อัน สม ควร ที่ จะ รู้สึก โกรธ ใน บาง ครั้ง แต่ เปาโล แนะ นํา เรา ว่า “โกรธ เถิด และ ถึง กระนั้น ก็ อย่า ทํา บาป; อย่า ให้ ตะวัน ตก โดย ที่ ท่าน ยัง ขุ่นเคือง อยู่ และ อย่า เปิด ช่อง แก่ พญา มาร.”—เอเฟโซ 4:26, 27, ล. ม.
He is thereby equipped to heed the counsel found at Ephesians 4:26, 29: “Be wrathful, and yet do not sin . . .
เมื่อ เป็น อย่าง นั้น เขา จึง พร้อม ที่ จะ ทํา ตาม คํา แนะ นํา ใน เอเฟโซส์ 4:26, 29 ที่ ว่า “ถ้า จะ โกรธ ก็ โกรธ เถิด แต่ อย่า ทํา บาป . . .
In fact, for thousands of years, Jehovah has “tolerated with much long-suffering vessels of wrath made fit for destruction.”
ที่ จริง เป็น เวลา หลาย พัน ปี พระ ยะโฮวา ได้ “ทรง อด กลั้น พระทัย ไว้ ช้า นาน แก่ ผู้ เหล่า นั้น ที่ เป็น เครื่อง ภาชนะ แห่ง ความ พิโรธ ซึ่ง ทรง จัด เตรียม ไว้ สําหรับ ความ พินาศ.”
Do not avenge yourselves, beloved, but yield place to the wrath.”—Romans 12:17-19.
พี่ น้อง ที่ รัก อย่า ทํา การ แก้ แค้น เสีย เอง แต่ จง ละ ความ โกรธ ไว้.”—โรม 12:17-19, ล. ม.
His life's work produced new sciences that incurred the wrath of the Church.
การค้นคว้าเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆทําให้คริสตจักรไม่พอใจ
He then states: “If, now, God, although having the will to demonstrate his wrath and to make his power known, tolerated with much long-suffering vessels of wrath made fit for destruction, in order that he might make known the riches of his glory upon vessels of mercy, which he prepared beforehand for glory, namely, us, whom he called not only from among Jews but also from among nations, what of it?” —Romans 9:14-24.
แล้ว ท่าน กล่าว ว่า “แล้ว ถ้า พระเจ้า ประสงค์ จะ สําแดง ความ พิโรธ ของ พระองค์ และ บันดาล ให้ ฤทธิ์ เดช ของ พระองค์ ปรากฏ, แต่ ยัง ได้ ทรง อด กลั้น พระทัย ไว้ ช้า นาน แก่ ผู้ เหล่า นั้น ที่ เป็น เครื่อง ภาชนะ แห่ง ความ พิโรธ ซึ่ง ทรง จัด เตรียม ไว้ สําหรับ ความ พินาศ และ เพื่อ จะ ได้ ทรง สําแดง สง่า ราศี อัน อุดม ของ พระองค์ แก่ ผู้ เหล่า นั้น ที่ เป็น เครื่อง ภาชนะ แห่ง ความ เมตตา, ซึ่ง พระองค์ ได้ ทรง จัด เตรียม ไว้ ก่อน ให้ สม กับ สง่า ราศี นั้น, คือ เรา ทั้ง หลาย ที่ พระองค์ ได้ ทรง เรียก มา แล้ว, มิ ใช่ ออก จาก พวก ยูดาย พวก เดียว, แต่ ออก จาก พวก ต่าง ประเทศ ด้วย, ก็ จะ ว่า อะไร เล่า?”—โรม 9:14-24.
15 True, you may have strong feelings about your point of view, but these can be expressed without “malicious bitterness and anger and wrath and screaming and abusive speech.”
15 จริง อยู่ คุณ อาจ มี ความ รู้สึก เชื่อ มั่น ใน ทัศนะ ของ ตน เอง แต่ ก็ อาจ แสดง ออก ซึ่ง ความ รู้สึก ดัง กล่าว โดย ปราศจาก “ความ ขมขื่น อย่าง ประสงค์ ร้าย และ ความ โกรธ และ การ บันดาล โทสะ และ การ ร้อง โวยวาย และ คํา พูด หยาบ หยาม.”
17 Wherefore, he will apreserve the brighteous by his power, even if it so be that the fulness of his wrath must come, and the righteous be preserved, even unto the destruction of their enemies by fire.
๑๗ ดังนั้น, พระองค์จึงทรงปกปักรักษากคนชอบธรรมขไว้โดยเดชานุภาพของพระองค์, แม้จะเป็นไปว่าพระพิโรธสุดขีดของพระองค์ต้องมาถึง, และคนชอบธรรมจะได้รับการปกปักรักษา, แม้จนการทําลายศัตรูของพวกเขาด้วยไฟ.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ wrath ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ wrath

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว