disciplinare ใน ภาษาอิตาลี หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า disciplinare ใน ภาษาอิตาลี คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ disciplinare ใน ภาษาอิตาลี

คำว่า disciplinare ใน ภาษาอิตาลี หมายถึง ฝึก, อบรม หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า disciplinare

ฝึก

verb

La Bibbia mette in relazione la disciplina anche con l’addestramento.
คัมภีร์ไบเบิลแสดงว่าการตีสอนเกี่ยวข้องกับการฝึกด้วย.

อบรม

verb

Un padre amorevole disciplina i figli, e questo perché si interessa del tipo di persone che diventeranno.
พ่อที่รักลูกย่อมอบรมสั่งสอนลูกเพราะเขาเป็นห่วงว่าลูกจะเป็นคนแบบไหนเมื่อโตขึ้น.

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

In quali modi una moglie può fare la propria parte nel disciplinare e nell’addestrare i figli?
ภรรยา อาจ ร่วม มือ ได้ ใน ทาง ใด บ้าง เกี่ยว กับ การ อบรม ตี สอน บุตร ของ เธอ?
A questo proposito l’apostolo Paolo scrisse: “Tutta la Scrittura è ispirata da Dio e utile per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia, affinché l’uomo di Dio sia pienamente competente, del tutto preparato per ogni opera buona”. — 2 Timoteo 3:16, 17.
คริสเตียน อัครสาวก เปาโล ได้ เขียน เกี่ยว กับ พระ คํา นี้ ว่า “พระ คัมภีร์ ทุก ตอน มี ขึ้น โดย การ ดล ใจ จาก พระเจ้า และ มี ประโยชน์ เพื่อ การ สอน การ ว่า กล่าว การ จัด การ เรื่อง ราว ให้ ถูก ต้อง การ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม เพื่อ คน ของ พระเจ้า จะ มี คุณสมบัติ ครบ ถ้วน ถูก เตรียม ไว้ พร้อม สําหรับ การ ดี ทุก อย่าง.”—2 ติโมเธียว 3:16, 17.
Persone in tutto il mondo hanno riscontrato che la Bibbia è di grande aiuto per stabilire simili norme per la famiglia, e sono quindi la prova vivente che davvero essa “è ispirata da Dio e utile per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia”.
ผู้ คน ทั่ว โลก ได้ พบ ว่า คัมภีร์ ไบเบิล เป็น เครื่อง ช่วย ที่ สําคัญ ใน การ ตั้ง มาตรฐาน ดัง กล่าว สําหรับ ครอบครัว พวก เขา เอง แสดง หลักฐาน ที่ ว่า โดย แท้ แล้ว คัมภีร์ ไบเบิล “มี ขึ้น โดย การ ดล ใจ จาก พระเจ้า และ เป็น ประโยชน์ เพื่อ การ สั่ง สอน, เพื่อ การ ว่า กล่าว, เพื่อ จัด การ เรื่อง ราว ให้ เรียบร้อย, เพื่อ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม.” (2 ติโมเธียว 3:16, ล. ม.)
Possiamo certamente imparare molto su come disciplinare i figli esaminando in che modo Geova ha addestrato il suo popolo. — Deuteronomio 32:4; Matteo 7:11; Efesini 5:1.
แน่นอน เรา สามารถ เรียน รู้ ได้ มาก เกี่ยว กับ การ ตี สอน บุตร ด้วย การ พิจารณา ว่า พระ ยะโฮวา ได้ ทรง ฝึก อบรม ไพร่พล ของ พระองค์ อย่าง ไร.—พระ บัญญัติ 32:4; มัดธาย 7:11; เอเฟโซ 5:1.
I “detti della conoscenza” provenienti da una fonte fidata sono perciò indispensabili per disciplinare.
ฉะนั้น “คํา ทั้ง ปวง ที่ ประกอบ ด้วย ความ รู้” จาก แหล่ง ที่ ไว้ ใจ ได้ คือ สิ่ง จําเป็น สําหรับ การ ตี สอน.
Paolo spiegò: “Tutta la Scrittura è ispirata da Dio e utile per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia, affinché l’uomo di Dio sia pienamente competente, del tutto preparato per ogni opera buona”.
แทน ที่ จะ เป็น อย่าง นั้น เปาโล อธิบาย ว่า “พระ คัมภีร์ ทุก ตอน มี ขึ้น โดย การ ดล ใจ จาก พระเจ้า และ เป็น ประโยชน์ เพื่อ การ สั่ง สอน, เพื่อ การ ว่า กล่าว, เพื่อ จัด การ เรื่อง ราว ให้ เรียบร้อย, เพื่อ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม, เพื่อ คน ของ พระเจ้า จะ เป็น ผู้ ที่ มี คุณสมบัติ ครบ ถ้วน, เตรียม พร้อม สําหรับ การ ดี ทุก อย่าง.”
Cosa possiamo imparare da Gesù riguardo al giusto modo di disciplinare e di insegnare?
เรา เรียน อะไร ได้ จาก การ สั่ง สอน ที่ มี ประสิทธิภาพ ของ พระ เยซู?
E così dovremmo fare anche noi, sapendo che ‘tutta la Scrittura è ispirata da Dio e utile per insegnare, riprendere, correggere e disciplinare nella giustizia, affinché l’uomo di Dio sia pienamente competente, del tutto preparato per ogni opera buona’.
เรา ควร เป็น เช่น นั้น ด้วย โดย รู้ อยู่ ว่า ‘พระ คัมภีร์ ทุก ตน ได้ รับ การ ดล บันดาล จาก พระเจ้า และ เป็น ประโยชน์ เพื่อ การ สั่ง สอน เพื่อ การ ว่า กล่าว เพื่อ จัด การ เรื่อง ราว ให้ เรียบร้อย และ เพื่อ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม เพื่อ คน ของ พระเจ้า จะ เป็น ผู้ มี คุณสมบัติ ครบ ถ้วน เตรียม พร้อม สําหรับ การ ดี ทุก อย่าง.’
1:28) Tutta la Scrittura si è realmente dimostrata “ispirata da Dio e utile per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia”.
1:28) พระ คัมภีร์ ทุก ตอน ได้ รับ การ พิสูจน์ อย่าง แท้ จริง ว่า “มี ขึ้น โดย การ ดล ใจ จาก พระเจ้า และ เป็น ประโยชน์ เพื่อ การ สั่ง สอน, เพื่อ การ ว่า กล่าว, เพื่อ จัด การ เรื่อง ราว ให้ เรียบร้อย, เพื่อ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม.”
Il padre che dirige la propria casa in maniera eccellente consulta le Scritture, che sono ‘utili per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia’.
บิดา ที่ ปกครอง ด้วย แนว ทาง ที่ ดี จะ ค้น หา คํา แนะ นํา จาก คัมภีร์ ไบเบิล ซึ่ง “เป็น ประโยชน์ เพื่อ การ สั่ง สอน เพื่อ การ ว่า กล่าว เพื่อ จัด การ เรื่อง ราว ให้ เรียบร้อย เพื่อ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม.”
(Aggeo 1:13; Zaccaria 4:8, 9) Anche se sono brevi, i libri di Aggeo e Zaccaria fanno parte di “tutta la Scrittura” che “è ispirata da Dio e utile per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia”. — 2 Timoteo 3:16.
(ฮาฆี 1:13; ซะคาระยา 4:8, 9) แม้ ว่า พระ ธรรม ฮาฆี และ ซะคาระยา มี เนื้อ ความ สั้น ๆ แต่ ทั้ง สอง เล่ม เป็น ส่วน ของ “พระ คัมภีร์ ทุก ตอน [ซึ่ง] มี ขึ้น โดย การ ดล ใจ จาก พระเจ้า และ เป็น ประโยชน์ สําหรับ การ สอน, สําหรับ การ ว่า กล่าว, สําหรับ การ จัด การ เรื่อง ราว ให้ เรียบร้อย, สําหรับ การ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม.”—2 ติโมเธียว 3:16, ล. ม.
Le Scritture dovrebbero servire tuttora “per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia, affinché l’uomo di Dio sia pienamente competente, del tutto preparato per ogni opera buona”. — 2 Timoteo 3:16, 17.
พระ คัมภีร์ น่า จะ ยัง เป็น “ประโยชน์ เพื่อ การ สั่ง สอน เพื่อ การ ว่า กล่าว เพื่อ จัด การ เรื่องราว ให้ เรียบร้อย เพื่อ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม เพื่อ คน ของ พระเจ้า จะ เป็น ผู้ ที่ มี คุณสมบัติ ครบ ถ้วน เตรียม พร้อม สําหรับ การ ดี ทุก อย่าง.”—2 ติโมเธียว 3:16, 17, ล. ม.
In quali modi Geova ci insegna a disciplinare noi stessi?
พระ ยะโฮวา ช่วย เรา อย่าง ไร ให้ สอน ตัว เอง และ ควบคุม ตัว เอง ได้ ดี ขึ้น?
Sebbene gli anziani debbano dare consigli e perfino disciplinare, non devono assumere il controllo della vita o della fede degli altri.
ขณะ ที่ ผู้ ปกครอง ต้อง แนะ นํา และ ถึง ขั้น ให้ การ ว่า กล่าว เขา ก็ ไม่ ควร เข้า คุม ชีวิต หรือ ความ เชื่อ ของ อีก ฝ่าย หนึ่ง.
Per avere una famiglia felice: Come disciplinare i figli
กุญแจ สู่ ความ สุข ใน ครอบครัว—การ อบรม และ ตี สอน ลูก
La Bibbia è un libro che vale la pena conoscere meglio, poiché “tutta la Scrittura è ispirata da Dio e utile per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia”.
คัมภีร์ ไบเบิล คุ้มค่า ที่ จะ ตรวจ สอบ เพราะ “พระ คัมภีร์ ทุก ตอน มี ขึ้น โดย การ ดล ใจ จาก พระเจ้า และ เป็น ประโยชน์ เพื่อ การ สั่ง สอน, เพื่อ การ ว่า กล่าว, เพื่อ จัด การ เรื่อง ราว ให้ เรียบร้อย, เพื่อ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม.”
Paolo disse a Timoteo che “gli scritti sacri” sono utili “per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia, affinché l’uomo di Dio sia pienamente competente, del tutto preparato per ogni opera buona”.
เปาโล บอก ติโมเธียว ว่า “คํา จารึก อัน ศักดิ์สิทธิ์” นั้น “เป็น ประโยชน์ สําหรับ การ สอน, สําหรับ การ ว่า กล่าว, สําหรับ การ จัด การ เรื่อง ราว ให้ เรียบร้อย, สําหรับ การ ตี สอน ด้วย ความ ชอบธรรม, เพื่อ คน ของ พระเจ้า จะ เป็น ผู้ ที่ มี คุณสมบัติ ครบ ถ้วน, เตรียม พร้อม สําหรับ การ งาน ที่ ดี ทุก อย่าง.”
Per esempio, i genitori leali sanno che devono disciplinare i figli.
ตัว อย่าง เช่น บิดา มารดา ที่ ภักดี ทราบ ว่า พวก เขา ต้อง ตี สอน บุตร ของ ตน.
Questo è veramente un gruppo trans-disciplinare.
นี่เป็นกลุ่มวิจัยแบบบูรณาการอย่างแท้จริง
In 2 Timoteo 3:16, 17 l’apostolo Paolo scrisse: “Tutta la Scrittura è ispirata da Dio e utile per insegnare, per riprendere, per correggere, per disciplinare nella giustizia, affinché l’uomo di Dio sia pienamente competente, del tutto preparato per ogni opera buona”.
ที่ 2 ติโมเธียว 3:16, 17 อัครสาวก เปาโล จารึก ว่า “พระ คัมภีร์ ทุก ตอน พระเจ้า ได้ ทรง ประสาท ให้ ย่อม เป็น ประโยชน์ สําหรับ สั่ง สอน, สําหรับ ตักเตือน, สําหรับ ดัด แปลง คน ให้ ดี ขึ้น, และ สําหรับ สอน ให้ รู้ ใน ความ ชอบธรรม เพื่อ คน ของ พระเจ้า จะ ได้ เป็น ผู้ รอบคอบ, คือ เป็น ผู้ ที่ ได้ ถูก เตรียม ไว้ พร้อม แล้ว สําหรับ การ ดี ทุก อย่าง.”
Ma come potremmo mettere in pratica tutto questo nei confronti di qualcuno a cui è stata giustamente impartita una severa misura disciplinare per aver perseguito una condotta peccaminosa?
แต่ ว่า เรา จะ ใช้ หลักการ เหล่า นี้ อย่าง ไร ต่อ บุคคล ซึ่ง ได้ รับ การ ตี สอน อย่าง รุนแรง อย่าง ยุติธรรม เนื่อง จาก เขา ได้ ดําเนิน ใน ทาง บาป?
Infatti, parte del fascino e innovazione delle opere qui è che molti creatori non sono affatto artisti, ma scienziati o ingegneri o saldatori o netturbini, e le loro opere varcano le barriere disciplinari, da un boschetto di origami a forma di fungo sviluppato da un progetto per una iurta a un albero che risponde alle voci e bioritmi di tutti quelli attorno attraverso 175 mila luci LED inserite nelle foglie.
อันที่จริง เสน่ห์และนวัตกรรมส่วนหนึ่ง ของผลงานที่นี่ ก็คือ นักประดิษฐ์ส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นศิลปิน แต่เป็นนักวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกร เป็นช่างเชื่อม หรือคนเก็บขยะ และผลงานของพวกเขา ก็ข้ามขอบเขตของแต่ละสาขา ตั้งแต่สวนดอกเห็ดโอริกามิ ที่พัฒนามาจากการออกแบบกระท่อม ไปจนถึงต้นไม้ที่ตอบสนองต่อเสียง และจังหวะชีวภาพ ที่อยู่รอบ ๆ มัน ผ่านหลอด LED จํานวน 175,000 หลอด ที่ถูกฝังไว้ในใบของมัน
Non è facile ammaestrare e disciplinare i ragazzi.
ไม่ ง่าย ที่ จะ อบรม และ ตี สอน เด็ก.
Ecco quindi l'importanza delle convenzioni disciplinari.
ดังนั้นเราจําต้องระมัดระวัง เรื่องระเบียบปฏิบัติของสาขาวิชาต่างๆ
(Matteo 3:17; 5:48) È vero, hai il dovere di disciplinare ed educare tuo figlio.
(มัดธาย 3:17; 5:48) จริง อยู่ คุณ มี หน้า ที่ ต้อง อบรม สั่ง สอน ลูก.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอิตาลี

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ disciplinare ใน ภาษาอิตาลี มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอิตาลี

อัปเดตคำของ ภาษาอิตาลี

คุณรู้จัก ภาษาอิตาลี ไหม

ภาษาอิตาลี (italiano) เป็นภาษาโรมานซ์และมีผู้คนพูดประมาณ 70 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอิตาลี ภาษาอิตาลีใช้อักษรละติน ตัวอักษร J, K, W, X และ Y ไม่มีอยู่ในตัวอักษรอิตาลีมาตรฐาน แต่ยังคงปรากฏอยู่ในคำยืมจากภาษาอิตาลี ภาษาอิตาลีเป็นภาษาที่พูดกันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป โดยมีผู้พูด 67 ล้านคน (15% ของประชากรในสหภาพยุโรป) และพูดเป็นภาษาที่สองโดยพลเมืองสหภาพยุโรป 13.4 ล้านคน (3%) ภาษาอิตาลีเป็นภาษาการทำงานหลักของสันตะสำนัก ซึ่งทำหน้าที่เป็นภาษากลางในลำดับชั้นของนิกายโรมันคาธอลิก เหตุการณ์สำคัญที่ช่วยเผยแพร่อิตาลีคือการพิชิตและยึดครองอิตาลีของนโปเลียนในต้นศตวรรษที่ 19 ชัยชนะครั้งนี้กระตุ้นการรวมประเทศอิตาลีหลายทศวรรษต่อมาและผลักดันภาษาของภาษาอิตาลี ภาษาอิตาลีกลายเป็นภาษาที่ใช้ไม่เฉพาะในหมู่เลขานุการ ขุนนาง และราชสำนักของอิตาลีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชนชั้นนายทุนด้วย