tumult ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า tumult ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ tumult ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า tumult ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง การก่อกวน, การเอะอะโวยวาย, ความวุ่นวาย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า tumult

การก่อกวน

noun

การเอะอะโวยวาย

noun

ความวุ่นวาย

noun

In the tumult, the commander could understand nothing.
การเอะอะวุ่นวายเช่นนั้นทําให้ผู้บังคับกองพันฟังไม่เข้าใจเลย.

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

Was he staying with them at the time of the tumult of the silversmiths?
คราว ที่ เกิด เหตุ วุ่นวาย สืบ เนื่อง จาก พวก ช่าง เงิน ใน เมือง ท่าน ได้ พัก อยู่ กับ คน ทั้ง สอง ไหม?
He reminded the audience of Psalm 2:1, 2 and other prophecies that foretell this time of shaking and tumult among the nations.
เขา ได้ เตือน ผู้ ฟัง เกี่ยว กับ ความ สําเร็จ สม จริง ใน ปัจจุบัน ของ พระ ธรรม บทเพลง สรรเสริญ 2:1, 2 และ คํา พยากรณ์ อื่น ๆ เช่น นั้น ซึ่ง บอก ล่วง หน้า ถึง สมัย นี้ ที่ มี แต่ ความ สั่น สะเทือน และ โกลาหล ท่ามกลาง นานา ชาติ.
“And there were no envyings, nor strifes, nor tumults ... ; and surely there could not be a happier people” (4 Nephi 1:15–16).
“และไม่มีความริษยา, หรือการวิวาท, หรือความวุ่นวาย ... ; และแน่แท้แล้วไม่มีผู้คนใดมีความสุขยิ่งกว่านี้ได้” (4 นีไฟ 1:15–16)
7 It scorns the tumult of the city;
7 มัน เยาะเย้ย เมือง ที่ อึกทึก วุ่นวาย
They saw Mrs. Hall fall down and Mr. Teddy Henfrey jump to avoid tumbling over her, and then they heard the frightful screams of Millie, who, emerging suddenly from the kitchen at the noise of the tumult, had come upon the headless stranger from behind.
พวกเขาเห็นนางฮอลล์ล้มลงและนายเท็ดดี้ Henfrey กระโดดเพื่อหลีกเลี่ยงการไม้ลอยมากกว่าเธอ และจากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องตกใจของ Millie ผู้ที่เกิดใหม่ก็มาจาก ห้องครัวที่เสียงของความวุ่นวายที่มี มาเมื่อคนแปลกหน้าโง่จากด้านหลัง
Instead of being in tumult, or disorderly agitation of mind, they could rejoice at the prospects that the Messianic King would set before them.
แทน ที่ จะ ปั่นป่วน หรือ วุ่นวาย ใจ พวก เขา จะ ร่าเริง ด้วย ความ หวัง ที่ กษัตริย์ มาซีฮา ให้ ไว้ ต่อ หน้า พวก เขา.
“And there were no envyings, nor strifes, nor tumults, nor whoredoms, nor lyings, nor murders, nor any manner of lasciviousness; and surely there could not be a happier people among all the people who had been created by the hand of God.”
“และไม่มีความริษยา, หรือการวิวาท, หรือความวุ่นวาย, หรือการผิดประเวณี, หรือการพูดเท็จ, หรือการกระทําฆาตกรรม, หรือกามตัณหาอย่างใด; และแน่แท้แล้วไม่มีผู้คนใดมีความสุขยิ่งกว่านี้ได้ในบรรดาผู้คนทั้งปวงที่พระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าสร้างขึ้นมา.”
In the tumult, the commander could understand nothing.
การ เอะอะ วุ่นวาย เช่น นั้น ทํา ให้ ผู้ บังคับ กองพัน ฟัง ไม่ เข้าใจ เลย.
Its composer, King David of ancient Israel, was divinely inspired to foretell that there would be a notable time when the nations would be in tumult.
ผู้ ประพันธ์ บทเพลง นี้ คือ ดาวิด กษัตริย์ อิสราเอล โบราณ ได้ รับ การ ดล ใจ จาก พระเจ้า ให้ บอก ล่วง หน้า ว่า จะ มี สมัย หนึ่งที่ โดด เด่น เป็น พิเศษ ซึ่ง ชาติ ต่าง ๆ จะ ปั่นป่วน.
10 In the midst of this war of words and tumult of opinions, I often said to myself: What is to be done?
๑๐ ท่ามกลางสงครามคารมและความแตกตื่นอันเกิดจากความคิดเห็นทั้งหลายนี้, ข้าพเจ้ามักกล่าวแก่ตนเอง : จะให้ทําอย่างไรเล่า ?
4 Referring to the actions of the nations and their rulers, the psalmist begins his composition by singing: “Why have the nations been in tumult and the national groups themselves kept muttering an empty thing?
4 เมื่อ กล่าว ถึง การ กระทํา ของ ชาติ ต่าง ๆ และ ผู้ ปกครอง ชาติ เหล่า นั้น ท่าน ผู้ ประพันธ์ เพลง สรรเสริญ เริ่ม บทเพลง ของ ท่าน ด้วย ถ้อย คํา ที่ ว่า “เหตุ ไฉน ประเทศ ทั้ง หลาย จึง ปั่นป่วน และ ชน ประเทศ ต่าง ๆ รวม กลุ่ม คิด การ ไร้ สาระ?
Then he says: “This tumult of thought . . . is one of the very strongest evidences that the book stands close to the events and emotions it purports to communicate.”
เขา กล่าว อีก ว่า “ความ คิด ที่ สับสน วุ่นวาย เช่น นี้ . . . เป็น หลักฐาน หนักแน่น ที่ สุด อย่าง หนึ่ง ว่า พระ ธรรม นี้ อยู่ ใกล้ ชิด กับ เหตุ การณ์ และ อารมณ์ ความ รู้สึก ที่ พระ ธรรม นี้ ตั้งใจ จะ ถ่ายทอด.”
Here worshippers of Diana raised a tumult against Paul (Acts 19:22–41).
ที่นี่ผู้คนซึ่งนมัสการพระอารเทมิสก่อจลาจลต่อต้านเปาโล (กิจการ ๑๙:๒๒–๔๑).
The second thing is to strive continuously to keep the commandments—whatever the opposition, the temptation, or the tumult around us (see Mosiah 4:30).
ข้อสองคือพยายามรักษาพระบัญญัติอยู่เสมอ—ไม่ว่ารอบตัวเราจะมีการต่อต้าน การล่อลวง หรือความวุ่นวายอะไรก็ตาม (ดู โมไซยาห์ 4:30)
McClintock and Strong’s Cyclopedia (Volume X, page 519) reports: “Christianity was forced upon the notice of the emperors by the tumults excited among the populace by heathen priests, who observed the remarkable progress of that faith with alarm, and Trajan [98-117 C.E.] was accordingly led to issue edicts for the gradual suppression of the new teaching which transformed men into haters of the gods.
สารานุกรม ของ แมกคลินทอก และ สตรองก์ (เล่ม ที่ 10 หน้า 519) รายงาน ว่า “พวก จักรพรรดิ จํา ใจ ต้อง ใส่ ใจ ใน ศาสนา คริสเตียน เนื่อง จาก ความ โกลาหล วุ่นวาย ที่ มี การ ปลุก เร้า ให้ เกิด ขึ้น ใน หมู่ ประชาชน โดย พวก นัก บวช นอก รีต ซึ่ง ได้ สังเกต เห็น ความ ก้าว หน้า อัน เด่น ชัด ของ ความ เชื่อถือ นั้น พร้อม ด้วย มี ความ หวาด กลัว และ ด้วย เหตุ นั้น จักรพรรดิ ทรายาน [สากล ศักราช 98–117] จึง ถูก ชัก นํา ให้ ตรา พระ ราชกฤษฎีกา ออก มา เพื่อ ค่อย ๆ ขจัด คํา สอน ใหม่ ซึ่ง ได้ เปลี่ยน หลาย คน ให้ กลาย เป็น ผู้ ที่ เกลียด ชัง พระ ทั้ง หลาย.
It must have been a tremendous relief for Aristarchus and Gaius to hear him objectively acknowledge their innocence and then see the tumult around them dissolve.
นั่น คง ต้อง ทํา ให้ อะริศตาโค กับ คาโย โล่ง อก เป็น อย่าง ยิ่ง เมื่อ ได้ ยิน เขา ยอม รับ อย่าง ไม่ ลําเอียง ว่า คน ทั้ง สอง ไม่ มี ความ ผิด และ ครั้น แล้ว ก็ เห็น ฝูง ชน ที่ อลหม่าน รอบ ตัว เขา นั้น สลาย ตัว ไป.
9 My mind at times was greatly excited, the cry and tumult were so great and incessant.
๙ จิตใจข้าพเจ้าบางเวลาสับสนวุ่นวายมาก, เสียงป่าวร้องและความแตกตื่นมีอยู่มากมายไม่หยุดหย่อน.
The Bible says that “the nations [have] been in tumult and the national groups themselves kept muttering an empty thing.”
คัมภีร์ ไบเบิล กล่าว ว่า “ประเทศ ทั้ง หลาย จึง กระทํา โกลาหล ขึ้น, และ ชน ประเทศ ต่าง ๆ คิด อ่าน ใน การ เปล่า ๆ.”
▪ According to the Acts account, during a tumult at the temple in Jerusalem, a Roman military commander took the apostle Paul into custody, believing that he was the leader of a seditious band of “four thousand dagger men.”
▪ ระหว่าง เหตุ การณ์ วุ่นวาย ที่ พระ วิหาร ใน กรุง เยรูซาเลม ดัง บันทึก ใน หนังสือ กิจการ ผู้ บังคับ กองพัน ของ โรม คน หนึ่ง ได้ ควบคุม ตัว อัครสาวก เปาโล ไว้ เพราะ คิด ว่า ท่าน เป็น หัวหน้า พวก “มือ มีด สี่ พัน คน” ที่ เคย ปลุกระดม ฝูง ชน.
(Isaiah 57:19-21) Of course, Jehovah’s people, while no part of the world, cannot avoid being affected by the tumult of the nations.
(ยะซายา 57:19-21, ฉบับ แปล ใหม่) แน่นอน ไพร่ พล ของ พระ ยะโฮวา ขณะ ที่ ไม่ เป็น ส่วน ของ โลก ก็ ไม่ สามารถ เลี่ยง พ้น ผล กระทบ จาก การ สับสน วุ่นวาย ของ ชาติ ต่าง ๆ ไป ได้.
Nations in Tumult
ชาติ ต่าง ๆ ปั่นป่วน
“In the midst of this war of words and tumult of opinions, I often said to myself: What is to be done?
“ท่ามกลางสงครามคารมและความแตกตื่นอันเกิดจากความคิดเห็นทั้งหลายนี้, ข้าพเจ้ามักกล่าวแก่ตนเอง: จะให้ทําอย่างไรเล่า?
“In the midst of this war of words and tumult of opinions, I often said to myself: What is to be done?
“ท่ามกลางสงครามคารมและความวุ่นวายของความคิดเห็นนี้ ข้าพเจ้ากล่าว กับตนเองบ่อยๆ จะ ทําอะไรได้เล่า?
And the skull of all the sons of tumult.
และ ทุบ กะโหลก ของ พวก นัก รบ บ้า เลือด
13. (a) Why did some Jews cause a tumult in the temple?
13. (ก) เหตุ ใด พวก ยิว จึง ก่อ ความ วุ่นวาย ใน พระ วิหาร?

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ tumult ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ tumult

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว