pronoun ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า pronoun ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ pronoun ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า pronoun ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง สรรพนาม, คําสรรพนาม หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า pronoun

สรรพนาม

noun (type of noun)

Hebrew feminine pronouns are similarly applied to wisdom personified.
สรรพนาม เพศ หญิง ใน ภาษา ฮีบรู ก็ ถูก นํา ไป ใช้ กับ สติ ปัญญา เช่น กัน.

คําสรรพนาม

noun (pronoun)

Third, although speaking only to Eve, he used the plural form of the pronoun “you.”
ประการที่สาม แม้ว่าพูดกับฮาวาคนเดียว มันใช้คําสรรพนาม “พวกเจ้า” (ตามภาษาเดิม).

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

Here the pronoun cannot refer to the closest antecedent —Jesus.
ใน ที่ นี้ เป็น ไป ไม่ ได้ ที่ สรรพนาม จะ เกี่ยว โยง กับ คํา นาม ที่ อยู่ ใกล้ ที่ สุด ก่อน หน้า นั้น ซึ่ง ได้ แก่ พระ เยซู.
Yes, so that we can learn their names, if they have names, and then introduce pronouns later.
ใช่เพื่อให้เราสามารถเรียนรู้ชื่อ ของมันหากมันมีชื่อ แล้วแนะนําสรรพนามในภายหลัง
Third, although speaking only to Eve, he used the plural form of the pronoun “you.”
ประการ ที่ สาม แม้ ว่า พูด กับ ฮาวา คน เดียว มัน ใช้ คํา สรรพนาม “พวก เจ้า” (ตาม ภาษา เดิม).
Hebrew feminine pronouns are similarly applied to wisdom personified.
สรรพนาม เพศ หญิง ใน ภาษา ฮีบรู ก็ ถูก นํา ไป ใช้ กับ สติ ปัญญา เช่น กัน.
If you would like to put Possessive Pronoun in front of Father.
If you would like to put Possessive Pronoun in front of Father. ถ้าเธอจะใส่คํานามแสดงความเป็นเจ้าของหน้า Father
Winer writes: “The pronoun [houʹtos] sometimes refers, not to the noun locally nearest, but to one more remote, which, as the principal subject, was mentally the nearest, the most present to the writer’s thoughts.” —A Grammar of the Idiom of the New Testament, 7th edition, 1897.
ไวเนอร์ เขียน ดัง นี้: “คํา สรรพนาม [โฮʹโทส] บาง ครั้ง ไม่ ได้ พาด พิง ถึง คํา นาม ที่ อยู่ ใกล้ ที่ สุด ใน ด้าน ตําแหน่ง แต่ พาด พิง ถึง คํา นาม ที่ อยู่ ห่าง กว่า ซึ่ง เนื่อง จาก เป็น เรื่อง สําคัญ จึง เป็น เรื่อง อยู่ ใกล้ ที่ สุด ใน ด้าน จิตใจ เป็น เรื่อง ที่ ผู้ เขียน คิด ถึง ก่อน.”—ไวยากรณ์ ของ สํานวน ใน พระ คัมภีร์ ภาค พันธสัญญา ใหม่ (ภาษา อังกฤษ), พิมพ์ ครั้ง ที่ เจ็ด, 1897.
The pronoun “you” in the expression rendered “within you” in some Bible translations is plural in the original Greek and refers to the Pharisees, to whom Jesus was speaking.
คํา ว่า “ท่าน ทั้ง หลาย” ใน ข้อ นี้ หมาย ถึง พวก ฟาริซาย ที่ พระ เยซู กําลัง พูด ด้วย ใน ตอน นั้น.
Though personified as a “helper,” the holy spirit is not a person, for a Greek neuter pronoun (rendered “it”) is applied to the spirit.
แม้ พระ เยซู ตรัส เรื่อง “ผู้ ช่วย” เสมือน เป็น บุคคล กระนั้น พระ วิญญาณ บริสุทธิ์ ไม่ ใช่ บุคคล เพราะ คํา ภาษา กรีก ใช้ สรรพนาม ไม่ มี เพศ ว่า “มัน” กับ คํา วิญญาณ.
But use of this pronoun does not mean that God was talking to an equal.
แต่ การ ใช้ สรรพนาม นี้ ไม่ หมาย ความ ว่า พระเจ้า ตรัส กับ ผู้ ที่ เสมอ ภาค.
Luke makes similar use of the pronoun, as seen at Acts 4:10, 11: “In the name of Jesus Christ the Nazarene, whom you impaled but whom God raised up from the dead, by this one does this man stand here sound in front of you.
ลูกา ก็ ใช้ คํา ฮูโทส ใน วิธี คล้าย กัน ดัง ที่ เห็น ได้ ใน กิจการ 4:10, 11 ที่ ว่า “โดย พระ นาม ของ พระ เยซู คริสต์ ชาว นาซาเร็ธ, ซึ่ง ท่าน ทั้ง หลาย ได้ ตรึง ไว้ ที่ กางเขน และ ซึ่ง พระเจ้า ได้ ทรง โปรด ให้ คืน พระ ชนม์, โดย พระองค์ นั้น คน ป่วย นี้ ที่ ยืน อยู่ ต่อหน้า ท่าน ทั้ง หลาย ได้ หาย เป็น ปกติ.
Although Luke is not named in Acts, certain passages use the pronouns “we,” “our,” and “us,” indicating that he participated in some of the events described in the book.
แม้ ว่า ลูกา ไม่ ได้ รับ การ เอ่ย ถึง ใน พระ ธรรม กิจการ แต่ ข้อ ความ บาง ตอน ได้ ใช้ สรรพนาม ว่า “เรา,” “ของ เรา”, และ “พวก เรา” ซึ่ง เป็น การ ระบุ ว่า ท่าน มี ส่วน ร่วม ใน บาง เหตุ การณ์ ที่ มี กล่าว ถึง ใน พระ ธรรม นี้.
It uses simple, modern language, is as uniform as possible in its renderings, conveys accurately the action or state expressed in the Hebrew and Greek verbs, and distinguishes between the plural and singular in its use of the pronoun “you” and when using the imperative form of the verb where the context does not make it apparent.
ฉบับ แปล นี้ ใช้ ภาษา ทัน สมัย เรียบ ง่าย, มี การ แปล อย่าง เสมอ ต้น เสมอ ปลาย เท่า ที่ เป็น ไป ได้, ถ่ายทอด อย่าง ถูก ต้อง ใน เรื่อง การ กระทํา หรือ สภาพ ที่ บอก ไว้ ด้วย คํา กริยา ใน ภาษา ฮีบรู และ ภาษา กรีก, และ แยกแยะ ระหว่าง พหูพจน์ กับ เอกพจน์ ใน การ ใช้ คํา สรรพนาม “ท่าน” หรือ “เจ้า” และ เมื่อ มี การ ใช้ คํา กริยา ใน รูป คํา สั่ง ซึ่ง บริบท ไม่ ได้ แสดง ให้ เห็น.
The use of the singular Hebrew pronoun rendered “your” indicates that this would be the personal experience of an obedient Israelite.
การ ที่ ใช้ สรรพนาม เป็น เอกพจน์ ใน ภาษา ฮีบรู ที่ ได้ รับ การ แปล ว่า “ของ เจ้า” บ่ง ชี้ ว่า ชาว ยิศราเอล ที่ เชื่อ ฟัง จะ ประสบ พระ พร นั้น เป็น ส่วน ตัว.
Some say that Bible texts in which God uses the pronoun “us” make the prehuman Jesus (the Word) equal to Jehovah.
บาง คน บอก ว่า ข้อ ความ ใน พระ คัมภีร์ ซึ่ง พระเจ้า ใช้ สรรพนาม “เรา” หมาย ถึง สถานะ ของ พระ เยซู (พระ วาทะ) เท่า เทียม กับ พระ ยะโฮวา ก่อน บังเกิด เป็น มนุษย์.
By using such pronouns as “we” and “us,” Luke indicates that he was present when certain events occurred.
โดย ใช้ สรรพนาม ว่า “เรา” ลูกา แสดง ว่า ท่าน อยู่ ด้วย ใน บาง เหตุ การณ์.
No, I'm just... tired of using pronouns.
ไม่หรอก ผมแค่เบื่อที่จะใช้สรรพนาม
6:8a —Why are the pronouns “I” and “us” used here?
6:8 ก—สรรพนาม “เรา” ที่ ใช้ ใน ที่ นี้ หมาย ถึง ใคร?
Rather, Rebekah used the pronoun “I” to describe how the problem affected her.
แทน ที่ จะ เป็น เช่น นั้น ริบะคา ใช้ สรรพนาม “ฉัน” เพื่อ พรรณนา ว่า ปัญหา นั้นกระทบ กระเทือน เธอ อย่าง ไร.
the writer switches pronouns from plural to singular.
คนเขียนเปลี่ยนสรรพนาม จากพหูพจน์เป็นเอกพจน์
At 1 John 2:22, the apostle uses the same pronoun in a similar way.
ที่ 1 โยฮัน 2:22 อัครสาวก โยฮัน ใช้ คํา ฮูโทส ใน วิธี คล้าย ๆ กัน.
(Psalm 23:4) David now speaks more intimately, addressing Jehovah with the pronoun “you.”
(บทเพลง สรรเสริญ 23:4) ตอน นี้ ดาวิด ทูล พระ ยะโฮวา โดย ใช้ สรรพนาม ที่ แสดง ถึง ความ ผูก พัน ใกล้ ชิด กับ พระองค์ มาก ขึ้น นั่น คือ ใน ภาษา เดิม ท่าน ใช้ สรรพนาม บุรุษ ที่ สอง.
By using the pronoun “me,” David teaches us that God has a personal interest in his servants.
การ ที่ ดาวิด ใช้ คํา สรรพนาม “ข้า พระองค์” ยัง สอน เรา ว่า พระเจ้า ทรง สนใจ ผู้ รับใช้ ของ พระองค์ ทุก คน เป็น ส่วน ตัว.
Noting that in the original Hebrew, the pronoun “you” in this sentence is singular, not plural, Brother Jackson said that Jehovah treats our prayers individually.
บราเดอร์ แจ็กสัน ชวน ให้ สังเกต คํา สรรพนาม “เจ้า” ใน ประโยค นี้. ใน ภาษา ฮีบรู คํา นี้ อยู่ ใน รูป เอกพจน์ ไม่ ใช่ พหูพจน์ ซึ่ง แสดง ว่า พระ ยะโฮวา จะ ตอบ คํา อธิษฐาน ของ เรา เป็น ราย บุคคล.
Meaning and background information Meaning of names (Genesis 3:17, “Adam”; Exodus 15:23, “Marah”); details about weights and measures (Genesis 6:15, “cubits”); the antecedent of a pronoun (Genesis 38:5, “He”); helpful information in the Appendix and the Glossary.—Genesis 37:35, “Grave”; Matthew 5:22, “Gehenna.”
บอก ความ หมาย และ ข้อมูล ภูมิหลัง ข้อ ความ ใน เชิงอรรถ แบบ นี้ บอก ความ หมาย ของ ชื่อ ต่าง ๆ (ปฐมกาล 3:17 “อาดัม”; อพยพ 15:23 “มาราห์”) หรือ บอก ราย ละเอียด เกี่ยว กับ น้ําหนัก หรือ ขนาด (ปฐมกาล 6:15 “ศอก”) หรือ ระบุ ว่า สรรพนาม ใน ข้อ นั้น หมาย ถึง ใคร (ปฐมกาล 49:25 “เขา”) หรือ ชี้ ไป ที่ ข้อมูล ที่ เป็น ประโยชน์ ใน ภาค ผนวก และ ส่วน อธิบาย ศัพท์—ปฐมกาล 2:4 ดู เชิงอรรถ ของ คํา ว่า “พระ ยะโฮวา”; มัทธิว 5:22 ดู เชิงอรรถ ของ คํา ว่า “เกเฮนนา”
Thus, it is wise to avoid constant use of the personal pronoun “you” when applying scriptures.
ดัง นั้น นับ ว่า สุขุม ที่ จะ หลีก เลี่ยง การ ใช้ สรรพนาม โดย ตลอด ว่า “คุณ” เมื่อ พูด ถึง การ นํา คํา แนะ นํา จาก พระ คัมภีร์ ไป ใช้.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ pronoun ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ pronoun

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว