apio ใน สเปน หมายถึงอะไร
ความหมายของคำว่า apio ใน สเปน คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ apio ใน สเปน
คำว่า apio ใน สเปน หมายถึง คื่นฉ่าย, ผักคึ่นช่าย, เซเลรี่ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง
ความหมายของคำว่า apio
คื่นฉ่ายnoun |
ผักคึ่นช่ายnoun (Vegetal comestible europeo (Apium graveolens), perteneciente al orden de las umbelíferas.) |
เซเลรี่noun |
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
Cuando Pablo viajaba a Roma tras apelar a César, algunos compañeros de creencia fueron a su encuentro en la Plaza del Mercado de Apio y las Tres Tabernas. ใน คราว ที่ เปาโล ได้ อุทธรณ์ ต่อ ซีซาร์ และ เดิน ทาง ไป กรุง โรม เพื่อน ร่วม ความ เชื่อ ได้ ไป พบ ท่าน ที่ ตลาด ของ อัปปีโอ และ บ้าน ไตร ภัตตาคาร. |
Los que reconocen el valor de una dieta sana reemplazarán estos productos por tentempiés bajos en grasa, entre ellos palomitas de maíz caseras sin mantequilla ni sal, fruta fresca y hortalizas crudas, como zanahorias, apio y brécol. ผู้ ซึ่ง ตระหนัก ถึง คุณค่า ของ อาหาร ที่ มี ประโยชน์ จะ แทน ที่ สิ่ง เหล่า นี้ ด้วย ขนม ที่ มี ไขมัน ต่ํา ซึ่ง รวม ถึง ข้าว โพด คั่ว ทํา เอง โดย ไม่ ใส่ เนย หรือ เกลือ, ผลไม้ และ ผัก สด เช่น แครอต, ผักกาด ขาว, และ บรอกโคลี. |
El premio que recibía el vencedor en esos juegos antiguos era una corona de pino o de otras plantas —podía ser incluso de apio silvestre seco—, lo que la convertía, sin duda, en una “corona corruptible”. (1 โกรินโธ 9:25, 26) รางวัล สําหรับ ผู้ ชนะ ใน การ แข่งขัน กีฬา สมัย โบราณ ได้ แก่ มงกุฎ หรือ มาลัย ซึ่ง ร้อย ด้วย ใบ สน หรือ ใบ ของ ต้น อื่น หรือ แม้ แต่ ต้น ขึ้นฉ่าย ป่า ตาก แห้ง—เป็น “มงกุฎ ใบ ไม้ ที่ จะ ร่วงโรย เสีย ได้” อย่าง แท้ จริง. |
Las coronas de los Juegos Olímpicos estaban hechas de olivo silvestre; las de los Ístmicos, de pino; las de los Píticos, de laurel, y las de los Nemeos, de apio silvestre. มงกุฎ ของ โอลิมปิก ทํา จาก ใบ มะกอก เทศ ป่า, มงกุฎ ของ อิสท์เมียน ทํา จาก ใบ สน, มงกุฎ ของ พือเธียน ทํา จาก ใบ ลอเรล, มงกุฎ ของ นีเมียน ทํา จาก ใบ ขึ้นฉ่าย ป่า. |
Asimismo les encanta el apio silvestre, ciertas raíces y los brotes de bambú. มัน ยัง ชอบ เซเลอรี ป่า, ราก ของ พืช บาง ชนิด, และ หน่อ ไม้ อีก ด้วย. |
La vía tomó el nombre de Apio Claudio el Ciego, censor romano que inició su construcción en el año 312 antes de nuestra era. ถนน สาย นี้ ได้ รับ การ ตั้ง ชื่อ ตาม แอปปิอุส เคลาดิอุส แคคุส ผู้ อํานวย การ ก่อ สร้าง ชาว โรมัน ผู้ ซึ่ง เริ่ม สร้าง ถนน สาย นี้ ประมาณ ปี 312 ก่อน สากล ศักราช. |
21 Lucas, escritor bíblico y compañero de viaje de Pablo, nos cuenta qué sucedió: “De allí [de Roma] los hermanos, al oír las noticias acerca de nosotros, vinieron a nuestro encuentro hasta la Plaza del Mercado de Apio y las Tres Tabernas”. 21 ลูกา ผู้ เขียน คัมภีร์ ไบเบิล ที่ ร่วม เดิน ทาง กับ เปาโล ครั้ง นั้น บอก เรา ถึง สิ่ง ที่ เกิด ขึ้น ดัง นี้: “ครั้น พวก พี่ น้อง ใน กรุง โรม ได้ ยิน ข่าว ถึง พวก เรา, เขา จึง ออก มา หา เรา ที่ ตลาด แห่ง หนึ่ง เรียกว่า บ้าน อัปปีโอ และ บ้าน ไตร ภัตตาคาร.” |
Esta calzada debe su nombre al censor romano Apio Claudio el Ciego, quien ordenó construirla en el año 312 antes de nuestra era. ทาง หลวง เวีย อัปเปีย ตั้ง ชื่อ ตาม อัปปิอุส เคลาดิอุส แคคุส รัฐบุรุษ ชาว โรมัน ซึ่ง เป็น ผู้ เริ่ม สร้าง ถนน เส้น นี้ ใน ปี 312 ก่อน สากล ศักราช. |
11:26-28). Cuando en la congregación de Roma se enteraron de que Pablo, que entonces era un prisionero, llegaría a la ciudad, algunos recorrieron 74 kilómetros (46 millas) para encontrarse con él en la Plaza del Mercado de Apio. 11:26-28) เมื่อ ประชาคม ใน กรุง โรม รู้ ว่า ท่าน เปาโล ซึ่ง ตอน นี้ เป็น ผู้ ถูก คุม ขัง กําลัง เดิน ทาง ใกล้ จะ ถึง กรุง โรม บาง คน ก็ ออก เดิน ทาง เพื่อ ไป พบ ท่าน ที่ ตลาด อัปปิอุส ซึ่ง อยู่ ห่าง ออก ไป 74 กิโลเมตร! |
También atravesaba la región pantanosa de las lagunas Pontinas (a unos 60 kilómetros [40 millas] de la capital), en la cual se alzaba el Mercado o Foro de Apio. ถนน นี้ ยัง ผ่าน ที่ ลุ่ม ชื้น แฉะ ซึ่ง เรียก ว่า บึง ปอนตีเน อยู่ ห่าง จาก กรุง โรม ราว 60 กิโลเมตร และ ตลาด อัปปิอุส ตั้ง อยู่ ที่ นั่น. |
Porque los hermanos de Roma habían ido a recibirlo a la Plaza del Mercado de Apio y las Tres Tabernas. ก็ เพราะ พี่ น้อง จาก โรม ได้ มา พบ ท่าน ที่ ตลาด แห่ง อัปปีโอ และ ไตร ภัตตาคาร. |
Añada una cebolla picada, una zanahoria, un tallo de apio, una hoja de laurel, un poco de perejil, sal y pimienta, así como suficiente agua, vino blanco o sidra para cubrir los ingredientes. ใส่ หัว หอม ซอย, แครอท อย่าง ละ หนึ่ง หัว; ขึ้นฉ่าย หนึ่ง ต้น, ใบ กระวาน หนึ่ง ใบ, ผัก ชี เล็ก น้อย, เกลือ และ พริก ไทย, และ เติม น้ํา เปล่า, เหล้า องุ่น ขาว หรือ เหล้า แอปเปิล ใน ปริมาณ พอ ท่วม ส่วน ประกอบ ต่าง ๆ. |
Y sólo mordí apio crudo. แล้วทั้งหมดที่ฉันทําก็แค่ กัดขึ้นฉ่าย |
Necesito un apio. ขอก้านผักกาดขาว.. |
Pablo dio gracias a Dios y cobró ánimo cuando cristianos de la capital romana se encontraron con ellos en el Mercado de Apio y las Tres Tabernas, junto a la Vía Apia. เปาโล กล่าว ขอบคุณ พระเจ้า และ มี กําลังใจ ดี ขึ้น เมื่อ คริสเตียน จาก กรุง โรม ได้ มา พบ ท่าน ที่ ตลาด แห่ง หนึ่ง เรียก ว่า บ้าน อัปปีโอ และ ไตร ภัตตาคาร ตั้ง อยู่ บน ถนน อัปปีโอ. |
Ahora ya pienso en el apio. แต่ตอนนี้ผมคิดถึงขึ้นฉ่ายละ |
A algunos les ha resultado útil llevar tentempiés de hortalizas crudas, como zanahorias o apio. บาง คน พบ ว่า การ กิน ผัก ดิบ เล่น ๆ อย่าง เช่น แครอท หรือ ผัก ขึ้นฉ่าย ช่วย ได้ มาก. |
มาเรียนกันเถอะ สเปน
ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ apio ใน สเปน มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน สเปน
คำที่เกี่ยวข้องของ apio
อัปเดตคำของ สเปน
คุณรู้จัก สเปน ไหม
ภาษาสเปน (español) หรือที่รู้จักในชื่อ Castilla เป็นภาษาของกลุ่มภาษาโรมานซ์ไอบีเรียและโรมานซ์ และภาษาที่พบบ่อยที่สุดอันดับ 4 ของโลกตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง ในขณะที่บางแหล่งระบุว่าเป็นภาษาทั่วไปอันดับ 2 หรือ 3 . เป็นภาษาแม่ของผู้คนประมาณ 352 ล้านคน และมีคนพูด 417 ล้านคนเมื่อเพิ่มผู้พูดเป็นภาษา ย่อย (ประมาณปี 2542) ภาษาสเปนและโปรตุเกสมีไวยากรณ์และคำศัพท์ที่คล้ายคลึงกันมาก จำนวนคำศัพท์ที่คล้ายคลึงกันของทั้งสองภาษานี้สูงถึง 89% ภาษาสเปนเป็นภาษาหลักของ 20 ประเทศทั่วโลก คาดว่าจำนวนผู้พูดภาษาสเปนทั้งหมดอยู่ระหว่าง 470 ถึง 500 ล้านคน ทำให้เป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากเป็นอันดับสองของโลกด้วยจำนวนเจ้าของภาษา