flee ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า flee ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ flee ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า flee ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง หนี, เผ่นหนี, โบยบิน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า flee

หนี

verb

He must flee to one of these cities. —Josh.
เขา จะ หนี ไป ที่ เมือง ไหน ก็ ได้ ใน เมือง ต่าง ๆ นั้น—ยชว.

เผ่นหนี

verb

โบยบิน

verb

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

(Romans 12:2) After all, the Bible urges you to “flee from sexual immorality.”
(โรม 12:2) พระ คัมภีร์ เตือน เรา ให้ “หลีก หนี จาก การ ผิด ศีลธรรม ทาง เพศ.”
Sarah complained bitterly to Abraham and humiliated Hagar, causing the maidservant to flee. —Genesis 16:1-6.
ซาราห์ บ่น ต่อ อับราฮาม ด้วย ความ ขมขื่น และ ได้ เคี่ยวเข็ญ ฮาฆาร จน สาว ใช้ ต้อง หนี ไป.—เยเนซิศ 16:1-6.
Unexpectedly, Gallus withdrew his troops, opening the way for Christians in Jerusalem and Judea to obey Jesus’ words and flee to the mountains. —Matthew 24:15, 16.
โดย ไม่ ได้ คาด หมาย กัลลุส ถอน ทัพ กลับ ไป เปิด โอกาส ให้ คริสเตียน ใน กรุง เยรูซาเลม และ แคว้น ยูเดีย ทํา ตาม คํา ตรัส ของ พระ เยซู และ หนี ไป ยัง ภูเขา.—มัดธาย 24:15, 16.
We enjoy light refreshments, review the good points in the box “Are You Equipped to Flee?”
เรา รับประทาน อาหาร ว่าง, ทบทวน จุด ดี ๆ หลาย จุด ใน กรอบ “คุณ เตรียม พร้อม ที่ จะ หนี ไหม?”
Danker, it means “remain instead of fleeing . . . , stand one’s ground, hold out.”
ดันเกอร์ คํา นี้ หมาย ความ ว่า “คง อยู่ แทน ที่ จะ หนี . . . , ยืนหยัด, ปฏิบัติการ ต่อ ไป.”
(2 Timothy 2:22) While not all “desires incidental to youth” are bad in themselves, youths should “flee from” them in that they should not let these things be a preoccupation, leaving little, if any, time for godly pursuits.
(2 ติโมเธียว 2:22, ล. ม.) แม้ ว่า ไม่ ใช่ “ความ ปรารถนา ซึ่ง มัก มี ใน วัย หนุ่ม สาว” ทุก อย่าง เป็น สิ่ง เลว ร้าย ใน ตัว มัน เอง กระนั้น หนุ่ม สาว ควร “หนี เสีย จาก” ความ ปรารถนา เหล่า นั้น ใน แง่ ที่ ว่า เขา ไม่ ควร ปล่อย ให้ สิ่ง เหล่า นี้ เข้า ครอบ งํา จน แทบ ไม่ มี เวลา เหลือ ให้ ติด ตาม กิจกรรม ต่าง ๆ ใน การ รับใช้ พระเจ้า.
(Exodus 20:4, 5) Centuries later, the apostle Paul told fellow Christians: “My beloved ones, flee from idolatry.”
(เอ็กโซโด 20:4, 5) หลาย ศตวรรษ ต่อ มา อัครสาวก เปาโล ได้ บอก เพื่อน คริสเตียน ว่า “พวก ที่ รัก ของ ข้าพเจ้า ท่าน ทั้ง หลาย จง หลีก เลี่ยง จาก การ ไหว้ รูป เคารพ.”
He must flee to one of these cities. —Josh.
เขา จะ หนี ไป ที่ เมือง ไหน ก็ ได้ ใน เมือง ต่าง ๆ นั้น—ยชว.
Flee completely from aimless conversation, from hanging out, from abnormal interest in sex, from just sitting around and being bored, and from complaining about not being understood by your parents.
จง หนี ให้ ไกล อย่าง เด็ดขาด จาก การ สนทนา ที่ ไร้ จุด มุ่ง หมาย, จาก การ ปล่อย เวลา ให้ เสีย เปล่า, จาก การ ฝักใฝ่ กามารมณ์ อย่าง ผิด ธรรมดา, จาก การ อยู่ เฉย ๆ แล้ว เบื่อ หน่าย และ จาก การ โอด ครวญ ว่า พ่อ แม่ ไม่ เข้าใจ คุณ.
Images, icons, and crosses are Christians must flee from
รูป ปั้น, รูป ภาพ, และ คริสเตียน ต้อง หลีก หนี จาก
The disciple James wrote: “Oppose the Devil, and he will flee from you.”
สาวก ยาโกโบ เขียน ไว้ ว่า “จง ต่อ ต้าน พญา มาร แล้ว มัน จะ หนี ไป จาก ท่าน.”
(Revelation 18:24) Showing that this bloodguilt incurred by false religion goes back even beyond the founding of Babylon, Jesus condemned the religious leaders of Judaism, which had attached itself to Babylon the Great, when he said: “Serpents, offspring of vipers, how are you to flee from the judgment of Gehenna? . . .
(วิวรณ์ 18:24) ความ ผิด ฐาน ทํา ให้ โลหิต ตก เช่น นี้ เกิด ขึ้น โดย ศาสนา เท็จ ย้อน หลัง ไป นาน ก่อน มี เมือง บาบูโลน เสีย อีก. พระ เยซู ได้ ประณาม พวก ผู้ นํา ลัทธิ ยูดา ซึ่ง นํา ตัว เข้า ไป พัวพัน กับ บาบูโลน ใหญ่ เมื่อ พระองค์ ได้ ตรัส ว่า “โอ พวก ชาติ งู ร้าย เจ้า จะ พ้น จาก การ ปรับ โทษ ใน นรก [กิเฮนนา] อย่าง ไร ได้? . . .
29 Now the people having heard a great noise came running together by multitudes to know the cause of it; and when they saw Alma and Amulek coming forth out of the prison, and the walls thereof had fallen to the earth, they were struck with great fear, and fled from the presence of Alma and Amulek even as a goat fleeth with her young from two lions; and thus they did flee from the presence of Alma and Amulek.
๒๙ บัดนี้ผู้คนโดยที่ได้ยินเสียงอึกทึกกึกก้องจึงวิ่งมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อทราบต้นสายปลายเหตุ; และเมื่อพวกเขาเห็นแอลมากับอมิวเล็คออกมาจากเรือนจํา, และกําแพงเรือนจําทลายลงสู่พื้นดิน, พวกเขาเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก, และหลบหนีไปจากแอลมากับอมิวเล็คแม้ดังแม่แพะกับลูกอ่อนหลบหนีราชสีห์สองตัว; และดังนี้พวกเขาได้หลบหนีไปให้พ้นแอลมากับอมิวเล็ค.
Sunday morning’s session will feature stimulating information focusing attention on the urgent need to flee to safety without delay before the “great tribulation.”
ภาค เช้า วัน อาทิตย์ จะ เสนอ ความ รู้ ที่ กระตุ้น ใจ ซึ่ง เพ่งเล็ง ความ สนใจ ไป ที่ ความ จําเป็น อัน เร่ง ด่วน ใน การ หนี ไป ยัง ที่ ปลอด ภัย โดย ไม่ ชักช้า ก่อน “ความ ทุกข์ ลําบาก ใหญ่.”
The Bible urges you to “flee from fornication.”
คัมภีร์ ไบเบิล เตือน คุณ ให้ “หลีก หนี จาก การ ผิด ประเวณี.”
Why was it urgent to flee without delay?
เหตุ ใด จึง ต้อง รีบ หนี โดย ไม่ ชักช้า?
(John 10:5) Escaping God’s day of wrath, however, requires more of us than just fleeing from harmful things.
10:5) แต่ การ หนี ให้ พ้น ความ พินาศ ใน วัน แห่ง พระ พิโรธ ของ พระเจ้า เรียก ร้อง ให้ เรา ต้อง ทํา ไม่ เพียง แค่ หนี จาก สิ่ง ที่ ก่อ ผล เสียหาย.
What dangers exist when refugees (a) are fleeing?
ผู้ ลี้ ภัย อาจ ต้อง เจอ กับ อันตราย อะไร บ้าง ใน ช่วง ที่ (ก) ลี้ภัย ออก จาก บ้าน เกิด?
Amalickiah conspires to be king—Moroni raises the title of liberty—He rallies the people to defend their religion—True believers are called Christians—A remnant of Joseph will be preserved—Amalickiah and the dissenters flee to the land of Nephi—Those who will not support the cause of freedom are put to death.
อแมลิไคยาห์ออกอุบายเพื่อเป็นกษัตริย์—โมโรไนยกธงแห่งเสรีภาพ—ท่านรณรงค์ให้ผู้คนปกป้องศาสนาของตน—ผู้ที่เชื่อโดยแท้จริงเรียกว่าชาวคริสต์—พวกที่เหลืออยู่ของโยเซฟจะได้รับการปกปักรักษาไว้—อแมลิไคยาห์และพวกผู้แตกแยกหลบหนีไปแผ่นดินแห่งนีไฟ—บรรดาผู้ที่ไม่สนับสนุนอุดมการณ์แห่งอิสรภาพถูกประหาร.
14 And it shall be as the chased roe, and as a sheep that no man taketh up; and they shall every man turn to his own people, and flee every one into his own aland.
๑๔ และมันจะเป็นดังละมั่งที่ถูกล่าก, และดังแกะที่ไม่มีใครรวมฝูง; และพวกเขาทุกคนจะหันไปหาผู้คนของเขาเอง, และทุกคนหลบหนีไปในแผ่นดินของเขาเอง.
Just as in a large house an honorable vessel is kept separate from one lacking honor, so Paul admonishes Timothy to “flee from the desires incidental to youth, but pursue righteousness, faith, love, peace, along with those who call upon the Lord out of a clean heart.”
เหมือน ใน บ้าน หลัง ใหญ่ ที่ ภาชนะ มี ค่า ถูก เก็บ ไว้ ต่าง หาก จาก ภาชนะ ที่ ไม่ มี เกียรติ เปาโล จึง ตักเตือน ติโมเธียว ให้ “หนี เสีย จาก ความ ปรารถนา ซึ่ง มัก มี ใน วัย หนุ่ม สาว แต่ จง มุ่ง หน้า ติด ตาม ความ ชอบธรรม, ความ เชื่อ, ความ รัก, สันติ สุข, ร่วม ไป กับ คน เหล่า นั้น ที่ ร้อง ถึง องค์ พระ ผู้ เป็น เจ้า ด้วย หัวใจ บริสุทธิ์.”
Flee from fornication.”
“การ ล่วง ประเวณี นั้น จง หลีก หนี เสีย.”
Flee so long as you can . . .
จง หนี ไป ให้ ไกล เท่า ที่ เจ้า จะ ทํา ได้ . . .
Paul said: “However, you, O man of God, flee from these things.
เปาโล กล่าว ว่า “อย่าง ไร ก็ ดี ท่าน ที่ เป็น คน ของ พระเจ้า จง หนี จาก สิ่ง เหล่า นี้.
We are assured, though, that if we endure in integrity, the Devil will flee from us.
แต่ พวก เรา ได้ รับ คํา รับรอง ว่า ถ้า เรา อด ทน ด้วย ความ ซื่อ สัตย์ มั่นคง พญา มาร จะ หนี จาก เรา.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ flee ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ flee

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว