épître ใน ภาษาฝรั่งเศส หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า épître ใน ภาษาฝรั่งเศส คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ épître ใน ภาษาฝรั่งเศส

คำว่า épître ใน ภาษาฝรั่งเศส หมายถึง จดหมาย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า épître

จดหมาย

noun

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

Introduction à la troisième épître de Jean
บทนําสาส์นของยอห์นฉบับที่สาม
4 C’est pourquoi, il écrivit une épître, et l’envoya par le serviteur d’Ammoron, celui-là même qui avait apporté une épître à Moroni.
๔ ฉะนั้นท่านจึงเขียนสาส์นฉบับหนึ่ง, และส่งไปกับผู้รับใช้ของแอโมรอน, คนเดียวกับที่นําสาส์นมาให้โมโรไน.
Il écrivit ces épîtres après être sorti de son premier emprisonnement à Rome.
เปาโลเขียนสาส์นเหล่านี้หลังจากท่านได้รับการปลดปล่อยจากเรือนจําเป็นครั้งแรกในโรม.
Expliquez qu’en écrivant son épître aux Éphésiens, l’apôtre Paul désirait les renforcer, les protéger et unir les membres de l’Église, dont certains faiblissaient dans leur foi.
อธิบายว่าอัครสาวกเปาโลเขียนสาส์นถึงชาวเอเฟซัสด้วยความปรารถนาจะเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิญญาณ คุ้มครอง และทําให้สมาชิกศาสนจักรที่นั่นเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะมีบางคนกําลังอ่อนล้าในศรัทธา
Demandez aux élèves, de relever, pendant qu’ils étudient l’épître de Paul à Philémon, une vérité qui peut les guider dans leurs rapports avec leurs frères et sœurs dans l’Église.
เชื้อเชิญให้นักเรียนมองหาความจริงขณะศึกษาสาส์นที่เปาโลเขียนถึงฟีเลโมนที่จะช่วยนําพวกเขาในการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนสมาชิกศาสนจักร
Ainsi lit- on dans son Épître:
ตัว อย่าง เช่น ใน จดหมาย ของ เขา โพลีคาร์พ กล่าว ว่า:
Résumez 2 Jean 1:1-4 en expliquant que l’apôtre commence son épître en s’adressant à « l’élue et à ses enfants », ce qui peut être soit une allusion directe à une personne membre de l’Église et à ses enfants, soit un langage symbolique pour décrire une assemblée de l’Église.
สรุป 2 ยอห์น 1:1–4 โดยอธิบายว่าอัครสาวกยอห์นเริ่มสาส์นของเขาโดยพูดถึง “สุภาพสตรีที่ทรงเลือกไว้และลูกๆ ของท่าน” ซึ่งอาจเป็นการพูดโดยตรงกับสมาชิกสตรีศาสนจักรและลูกๆ ของพวกเธอหรือเป็นภาษาสัญลักษณ์เพื่อบรรยายถึงที่ประชุมของศาสนจักร
18 Et il arriva que Coriantumr écrivit de nouveau une épître à Shiz, demandant qu’il ne revînt plus livrer bataille, mais qu’il prît le royaume et épargnât la vie du peuple.
๑๘ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือโคริแอนทะเมอร์เขียนสาส์นถึงชิซอีก, โดยปรารถนาไม่ให้เขามาสู้รบอีก, แต่ให้เขาเอาอาณาจักรไป, และไว้ชีวิตผู้คน.
L’épître affirme que l’auteur en est « Jacques, serviteur de Dieu et du Seigneur Jésus-Christ » (Jacques 1:1).
สาส์นฉบับนี้บอกว่าเขียนโดย “ยากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้าและของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า” (ยากอบ 1:1)
1 Et alors, il arriva que je reçus une épître d’Ammoron, le roi, disant que si je livrais les prisonniers de guerre que nous avions pris, il nous livrerait la ville d’Antiparah.
๑ และบัดนี้เหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือข้าพเจ้าได้รับสาส์นจากกษัตริย์, แอโมรอน, มีความว่าหากข้าพเจ้าจะส่งมอบเชลยสงครามเหล่านั้นที่เราจับไปเขาจะมอบเมืองแอนทิพาราห์ให้เรา.
Si elle avait été destinée aux Gentils, pas un entre dix mille n’en aurait saisi l’argumentation, parce qu’ils n’étaient pas habitués au système juif ; en revanche, tout porte à croire que le rédacteur de cette épître l’était, lui.
ถ้า จดหมาย นี้ เขียน ถึง คน ต่าง ชาติ จะ ไม่ มี แม้ สัก หนึ่ง ใน หมื่น คน ที่ เข้าใจ การ หา เหตุ ผล นั้น เพราะ ไม่ คุ้น เคย กับ ระบบ ของ ชาว ยิว; ความ รู้ ที่ ผู้ เขียน จดหมาย นี้ คาด หมาย ให้ ผู้ รับ คุ้น เคย โดย ตลอด.”
19 Et maintenant, Moroni, je suis heureux de recevoir ton épître, car j’étais quelque peu préoccupé par ce que nous devions faire, si ce serait juste de notre part d’aller contre nos frères.
๑๙ และบัดนี้, โมโรไน, ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับสาส์นของท่าน, เพราะข้าพเจ้าเป็นห่วงอยู่บ้างเกี่ยวกับว่าเราจะทําอย่างไร, ว่าจะเป็นการถูกต้องสําหรับเราหรือไม่ที่จะไปสู้รบกับพี่น้องของเรา.
Il écrivit aussi des épîtres, ou lettres, aux Éphésiens, aux Philippiens et aux Colossiens et, tandis qu’il était en prison, à Timothée et à Philémon.
เขาเขียนสาส์น, หรือจดหมาย, ถึงชาวเอเฟซัส, ชาวฟีลิปปี, และชาวโคโลสีและถึงทิโมธีกับฟีเลโมนด้วยขณะถูกคุมขังในโรม.
Paul écrivit ces épîtres lors de son premier emprisonnement à Rome.
เปาโลเขียนสาส์นเหล่านี้ขณะอยู่ในเรือนจําที่โรมหนแรก.
L’auteur de l’Épître de Polycarpe se réfère à Tobie pour accréditer l’idée selon laquelle celui qui fait l’aumône sauve son âme.
ผู้ เขียน หนังสือ ชื่อ จดหมาย ของ โพลีคาร์ป อ้าง ถึง หนังสือ โทบิต เพื่อ สนับสนุน ความ คิด ที่ว่าการ ให้ ทาน มี พลัง ช่วย ให้ ผู้ ทํา ทาน รอด พ้น จาก ความ ตาย ได้.
Tandis qu’il était temporairement en liberté à Rome, Paul écrivit l’épître à Tite, qui était en Crète.
ระหว่างที่เปาโลเป็นอิสระชั่วคราวจากการคุมขังของชาวโรม, ท่านเขียนสาส์นถึงทิตัส, ผู้อยู่ที่ครีต.
Introduction à la deuxième épître de Paul à Timothée
บทนําสาส์นฉบับที่สองที่เปาโลเขียนถึงทิโมธี
Introduction à l’épître de Paul aux Philippiens
บทนําสาส์นที่เปาโลเขียนไปถึงชาวฟีลิปปี
1 Et il arriva qu’il écrivit de nouveau au gouverneur du pays, qui était Pahoran, et voici les paroles qu’il écrivit, disant : Voici, j’adresse mon épître à Pahoran, dans la ville de Zarahemla, agrand juge et gouverneur du pays, et aussi à tous ceux qui ont été choisis par ce peuple pour gouverner et conduire les affaires de cette guerre.
๑ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือ ท่านเขียนไปถึงผู้ปกครองแผ่นดินอีก, ซึ่งคือเพโฮรัน, และนี่คือถ้อยคําที่ท่านเขียน, มีความว่า : ดูเถิด, ข้าพเจ้าส่งสาส์นของข้าพเจ้ามาถึงเพโฮรัน, ผู้เป็นหัวหน้าผู้พิพากษากและผู้ปกครองเหนือแผ่นดิน, ในเมืองแห่งเซราเฮ็มลา, และถึงทุกคนที่ได้รับเลือกโดยคนเหล่านี้ด้วยเพื่อปกครองและดําเนินกิจจานุกิจเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้.
L’étude de l’épître aux Éphésiens peut inspirer les élèves à mettre de côté les choses de ce monde et les aider à progresser spirituellement et à apprendre à mieux s’intégrer dans l’Église.
การศึกษาสาส์นถึงชาวเอเฟซัสจะกระตุ้นให้นักเรียนละทิ้งสิ่งต่างๆ ของโลกนี้และจะช่วยให้พวกเขาเติบโตทางวิญญาณพร้อมกับเรียนรู้ที่จะมีส่วนในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสัมพันธภาพของศาสนจักรอย่างเต็มที่มากขึ้น
La deuxième épître fut écrite peu après.
สาส์นฉบับที่สองเขียนหลังจากนั้นไม่นาน.
Tite, épître à
ทิตัส, จดหมาย (สาส์น) ถึง
Quoi d’étonnant alors si Jean insiste tant dans ses épîtres sur ces choses, disant : ‘ Ce que nous avons vu de nos yeux, ce que nous avons entendu de nos oreilles, ce que nos mains ont touché, nous avons écrit ces choses.
ดัง นั้น ยอด เยี่ยม เพียง ไร ถ้า โยฮัน กล่าว อย่าง หนักแน่น ถึง หลาย สิ่ง เหล่า นี้ ใน จดหมาย ของ ท่าน โดย กล่าว ด้วย ตน เอง ว่า ‘สิ่ง ที่ เรา ได้ เห็น กับ ตา และ ได้ ยิน กับ หู และ ได้ จับ ต้อง ด้วย มือ ของ เรา เรา ได้ เขียน สิ่ง เหล่า นั้น ไว้.’
" Qu'est- ce qu'une femme - oh, ce qu'est une femme " s'écria le roi de Bohême, lorsque nous avions lu les trois cette épître.
" สิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่ง -- Oh, สิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่ง" กษัตริย์แห่งโบฮีเมียร้อง, เมื่อเรามีทั้งสามอ่าน
51 et une épître et une souscription qui seront présentées à toutes les aÉglises pour obtenir de l’argent qui sera mis entre les mains de l’évêque, de lui-même ou de l’agent, comme bon lui semble, ou selon les directives qu’il donnera, pour acheter des terres d’héritage pour les enfants de Dieu.
๕๑ และให้เสนอสาส์นและการลงนามรับรอง, ไปให้หน่วยทั้งหมดของศาสนจักรเพื่อจะได้เงินตรา, ไว้ในมือของอธิการ, ของตัวเขาหรือตัวแทน, ดังที่เขาเห็นว่าดีหรือดังที่เขาจะแนะนํา, เพื่อซื้อที่ดินไว้เป็นมรดกให้ลูก ๆ ของพระผู้เป็นเจ้า.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาฝรั่งเศส

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ épître ใน ภาษาฝรั่งเศส มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาฝรั่งเศส

คำที่เกี่ยวข้องของ épître

อัปเดตคำของ ภาษาฝรั่งเศส

คุณรู้จัก ภาษาฝรั่งเศส ไหม

ภาษาฝรั่งเศส (le français) เป็นภาษาโรมานซ์ เช่นเดียวกับภาษาอิตาลี โปรตุเกส และสเปน คำนี้มาจากภาษาละตินยอดนิยม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้ในจักรวรรดิโรมัน บุคคลที่พูดภาษาฝรั่งเศสหรือประเทศสามารถเรียกว่า "Francophone" ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการใน 29 ประเทศ ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาแม่ที่พูดมากเป็นอันดับสี่ในสหภาพยุโรป ภาษาฝรั่งเศสอยู่ในอันดับที่สามในสหภาพยุโรป รองจากภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมัน และเป็นภาษาที่มีการสอนกันอย่างแพร่หลายมากเป็นอันดับสองรองจากภาษาอังกฤษ ประชากรที่พูดภาษาฝรั่งเศสส่วนใหญ่ของโลกอาศัยอยู่ในแอฟริกา โดยมีชาวแอฟริกันประมาณ 141 ล้านคนจาก 34 ประเทศและดินแดนที่สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่หนึ่งหรือสองได้ ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับสองในแคนาดา รองจากภาษาอังกฤษ และทั้งสองเป็นภาษาราชการในระดับรัฐบาลกลาง เป็นภาษาแม่ 9.5 ล้านคนหรือ 29% และภาษาที่สอง 2.07 ล้านคนหรือ 6% ของประชากรทั้งหมดของแคนาดา ตรงกันข้ามกับทวีปอื่นๆ ฝรั่งเศสไม่ได้รับความนิยมในเอเชีย ปัจจุบันไม่มีประเทศใดในเอเชียที่ยอมรับว่าภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ